Microsoft ทะยานขึ้นเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันที่มีมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ เคียงข้าง Apple ได้สำเร็จ หลังธุรกิจคลาวด์อู้ฟู่

Microsoft (MSFR) บริษัทเทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกากลายเป็นบริษัทลำดับที่สองของประเทศที่สามารถพาตัวเองผ่านหลักไมล์ขึ้นไปมีมูลค่าบริษัทตามราคาตลาด หรือ Market Cap ที่หลัก 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 63.7 ล้านล้านบาท เคียงข้าง Apple บริษัทอเมริกันแห่งแรกที่มีมูลค่า Market Cap ในระดับ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (เป็นบริษัทเอกชนอเมริกันในตลาดหลักทรัพย์)

สาเหตุที่ราคาบริษัทตามราคาตลาดของ Microsoft พุ่งทะยานเช่นนี้เป็นผลมาจากราคาหุ้นของพวกเขาที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ หุ้น Microsoft แตะระดับสูงสุดที่ 265.79 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะปิดตลาดที่ราคา 265.51 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือปรับขึ้น +1.10% จากวันก่อนหน้า)

ตลอดทั้งปี 2021 ที่ผ่านมา หุ้นของ Microsoft ได้ปรับขึ้นต่อเนื่องกว่า +19% แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผลประกอบการของบริษัท รายรับและความสามารถในการทำกำไรแต่ละช่วงไตรมาสเพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพึ่งพาธุรกิจคลาวด์ที่ทำให้ Microsoft ทะยานโดดเด่นเหนือบริษัทอื่นๆ ในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา

ฮิลารี ฟริช (Hilary Frisch) นักวิเคราะห์อาวุโสจากบริษัทด้านการลงทุน ClearBridge Investments ระบุว่า Microsoft มีจุดเด่นอยู่ที่ความเชี่ยวชาญการทำธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งเกมมิง, คลาวด์, ออโตเมชัน, ระบบวิเคราะห์ และปัญญาประดิษฐ์

“ชื่อเสียงของพวกเขานั้นน่าดึงดูดใจอยู่แล้วโดยเฉพาะในแวดวงเทคโนโลยี โดยที่พวกเขาน่าจะได้รับประโยชน์จากทั้งกรณีที่ภาคเศรษฐกิจ ธุรกิจ เตรียมจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง เช่นเดียวกับการพึ่งพาธุรกิจคลาวด์อย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน”

ข้อมูลจากผลประกอบการของบริษัทในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมาพบว่า Microsoft มีรายรับจากธุรกิจคลาวด์คิดเป็น 33.8% จากสัดส่วนรายได้ทั้งหมด โดยทำให้กลุ่มธุรกิจนี้มีส่วนแบ่งรายได้สูงที่สุดนำเป็นลำดับที่ 3 จากทุกๆ เซกเตอร์ธุรกิจของ Microsoft ได้เป็นครั้งแรก และขยับขึ้นจากปีก่อนหน้าสูงถึง 31%

ขณะที่ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Microsoft เพิ่งประกาศแต่งตั้งให้ สัตยา นาเดลลา ซีอีโอ Microsoft เข้ารับตำแหน่งประธานบอร์ดบริหารบริษัทคนใหม่หลังอยู่กับบริษัทมานานกว่า 7 ปี (ควบคู่กับตำแหน่งเดิม แทนที่ของ จอห์น ทอมป์สัน ประธานบอร์ด Microsoft คนก่อน) ซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในบอร์ดบริหารก็อาจจะมีผลทำให้นักลงทุนจำนวนมากเกิดความมั่นใจใน Microsoft ด้วยเช่นกัน

พิสูจน์อักษร: นัฐฐา สอนกลิ่น

อ้างอิง: