เห็นข่าว ไมเคิ่ล จอร์แดน เดินทางไปพักผ่อนที่อิตาลีช่วงเดือนที่ผ่านมา นั่งดูดซิการ์อย่างสบายใจบนเรือ
ผมก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนที่จอร์แดนจะโด่งดังทะลุฟ้า กลายเป็นหนึ่งในตำนานของชิคาโก้ บูลล์ส, วงการเอ็นบีเอ และทีมชาติสหรัฐอเมริกาในชุดดรีมทีม
เขาเข้าสู่หอเกียรติยศหรือฮอลล์ออฟเฟมของวงการบาสเกตบอลไปเมื่อ 11 กันยายน 2009
น้อยคนจะได้รู้ว่าจอร์แดนได้เคยสร้างความประทับใจให้กับชาวเมืองตริเอสเต้ในอิตาลีเมื่อเกือบสี่ทศวรรษก่อนมาแล้ว
ปีนั้นก็คือ 1985 มีทีมดังมากของท้องถิ่นชื่อว่าสเตฟาเนล ปาญาคาเนสโตร ตริเอสเต้ ได้ทดสอบผู้เล่นหน้าใหม่ๆ เพื่อพยายามกลับเข้ารอบเพลย์ออฟหลังจากมีผลงานซีซันก่อนน่าผิดหวัง
มีผู้เล่นระดับนานาชาติเดินทางมาแข่งกับพวกเขาหลายราย โดยส่วนใหญ่จากสหรัฐอเมริกา
ชื่อเสียงของทีมบาสเกตบอลตริเอสเต้ขจรขจายสู่ระดับสากลมาพักใหญ่ ทำให้แบรนด์อย่าง ‘ไนกี้’ ตัดสินใจเลือกตริเอสเต้เป็นหนึ่งในหลายเมืองของยุโรปที่จะเปิดตัวโกลเด้นบอยของพวกเขาที่ชื่อ ‘จอร์แดน’ ให้คนในทวีปได้เห็น
จอร์แดนเพิ่งเริ่มสร้างชื่อเมื่อเดินทางไปยังอิตาลีเมื่อสิงหาคม 1985
เขามีบทบาทนำทีมนอร์ธ แคโรไลน่า คว้าแชมป์เอ็นซีเอเอปี 1982 จากนั้นก็ติดทีมชาติสหรัฐฯ ชุดโอลิมปิกที่แอลเอได้เหรียญทองปี 1984
เมื่อลงแข่งให้บูลล์สฤดูกาลแรกก็คว้าตำแหน่งรุกกี้แห่งปี อีกเป็นเดือนกว่าที่ไนกี้จะออก ‘แอร์ จอร์แดน 1’
เขาบินทำกิจกรรมสปอนเซอร์กับไนกี้ มีถ่ายรูปกับหอไอเฟลที่กรุงปารีส เปิดคลินิกสอนบาสเยาวชนที่ลอนดอน
จากนั้นก็เดินทางไปทางอีสานของอิตาลีเพื่อแข่งบาสในเมืองตริเอสเต้
ทางสโมสรจัดแจงแมตช์อุ่นเครื่องพบกับยูเว่ คาเซอร์ต้าขึ้นมา
ตามข้อตกลงที่คุยกันทีแรก จอร์แดนจะแข่งครึ่งแรกกับตริเอสเต้ แล้วก็ย้ายฝั่งไปยังคู่แข่ง
ไม่รู้เพราะอะไร สงสัยจอร์แดนจะชอบใจบรรยากาศการเชียร์ของแฟนเจ้าบ้าน จึงตัดสินใจไม่ย้ายฝั่ง ทำเอาฟากผู้เล่นยูเว่ คาเซอร์ต้า รู้สึกเสียหน้าอย่างมาก
วันนั้นเป็นเพียงเกมกระชับมิตรก็จริง แต่แฟนตริเอสเต้บ้าบาสไม่ธรรมดา เชียร์กันอย่างสุดเหวี่ยง
ทั้งการเชียร์และความทุ่มเท เป็นสัญลักษณ์ของแฟนบาสตริเอสเต้มาแต่ไหนแต่ไร
ด้วยความเอาจริงเอาจัง เสียงเชียร์อย่างกึกก้องโครมคราม เป็นที่ถูกใจจอร์แดนจนขอแข่งกับพวกเขาต่อ
คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าวันนั้นปาญาคาเนสโตร ตริเอสเต้ เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะ
เกมดังกล่าวยังทิ้งตำนานให้ชาวเมืองได้นั่งคุยเวลาจิบกาแฟ Capo in B (คาปูชิโนในแบบตริเอสเต้ เสิร์ฟในแก้วทรงสูงแทนที่จะเป็นถ้วย โดยมีนมราดอยู่ด้านบน ซึ่งคาโปย่อมาจากคาปูชิโน ส่วน B ย่อมาจาก Bicchiere หรือแก้วทรงสูง)
ชัยชนะเกมอุ่นเครื่องคงไม่สามารถสร้างตำนานใดๆ ต่อให้จอร์แดนร่วมลงแข่งด้วยก็ตาม
แต่กลายเป็นเพลย์ท้ายเกมที่จอร์แดนรู้สึกคึกไปกับบรรยากาศ ได้จังหวะสวนกลับจึงกระโดดลอยตัวใส่ตัวป้องกันเข้าดังก์อย่างจังจนแป้นแตก
เศษกระจกกระจายไปทั่วเป็นพันๆ ชิ้น พร้อมเสียงอันดัง ผู้เล่นฝั่งคาเซอร์ต้าบางคนบาดเจ็บจนต้องเปลี่ยนตัวออก
เกมหยุดชะงักให้เจ้าหน้าที่ลงมาเก็บกวาดแล้วยังคงแข่งต่อ จอร์แดนจบด้วยการทำ 30 คะแนน
ฮาเวิร์ด ไวท์ รองประธานแบรนด์จอร์แดน เล่าว่า “กระจกกระจายเต็มไปหมด แป้นระเบิดออกมา ผมมองไปที่ตาของเขา หูของเขา เห็นเศษกระจกเล็กๆ ติดอยู่ ตอนนั้นมันดูบ้าบออย่างมาก ค่อนข้างน่าตกใจ เพราะไม่รู้ว่ากระจกมันไปไหนต่อไหนบ้าง”
“พวกเขาแข่งกันอยู่ดีๆ แล้วมันก็เกิดโมเมนต์นั้นขึ้นมา”
วันที่จอร์แดนดังก์แป้นแตกคือ 25 เดือน 8 ปี 1985
(ที่น่าสนใจก็คือ สองวันก่อนหน้า ลงมาทางใต้ของอิตาลีอีกราว 660 กิโลเมตร ในเมืองรีเอตี โคบี้ ไบรอันท์ เพิ่งฉลองวันเกิดครบ 7 ขวบของเขา เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม)
เส้นทางในเอ็นบีเอของจอร์แดนอาจมีเพลย์เด็ดๆ มากมาย อาทิ ชู้ตใส่ เคร้ก อีห์โล่ ผู้เล่นแคฟเวเลียร์สในเพลย์ช่วยบูลล์สแซงเชือดรอบเพลย์ออฟ 1989
หรือจะเป็นท่ายักไหล่ระหว่างเกมเปิดรอบชิงปี 1992 ใส่ เทรล เบลเซอร์ส
ฟลูเกม ซึ่งจอร์แดนมีอาการป่วยก่อนแข่งรอบชิง 1997 และเดอะลาสท์ช็อต เล่นงานยูท่าห์ แจซ เกมหกรอบชิง 1998
ใครจะเชื่อว่าจอร์แดนยังมีโมเมนต์ซึ่งหลายคนแทบไม่รู้เกิดขึ้นในอิตาลี โดยนั่นคือครั้งเดียวในอาชีพที่จอร์แดนดังก์แป้นแตก
ทาง โซเธอร์บี้ บริษัทประมูลชื่อดังประเมินว่า เสื้อแข่งเบอร์ 23 สีดำส้ม ซึ่งจอร์แดนสวมลงแข่งกับสเตฟาเนล ปาญาคาเนสโตร ตริเอสเต้ ถ้ามีการนำมาประมูลน่าจะได้ราคาราว 13 ล้านบาททีเดียว
ไม่น่าแปลกใจว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจึงทำให้เขากลายเป็นฮีโร่ของชาวเมืองจนถึงปัจจุบัน
เวลาล่วงเลยไป 30 ปี แบรนด์จอร์แดนได้รำลึกเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยการออกแอร์ จอร์แดน 1 รุ่นพิเศษแป้นแตกสีส้มออกมา
พื้นด้านในรองเท้าจะเป็นภาพแป้นแตก วางขายเมื่อ 27 มิถุนายน 2015 ในราคา 160 ดอลลาร์ (เทียบค่าเงินปัจจุบันราว 7,250 บาท)
รองเท้ารุ่นแป้นแตกดังกล่าวขายหมดอย่างรวดเร็วราวกับแจกฟรี
ทุกวันนี้ถ้าคุณเดินเข้าไปยังอัลลิอันซ์โดมแห่งใหม่ ก่อนเกมปาญาคาเนสโตร ตริเอสเต้ จะเห็นเสื้อยืดมากมาย ทำขึ้นเพื่อรำลึกสมัยจอร์แดนสวมชุดสีดำส้มแข่งพร้อมกับพวกเขาปี 1985
หลังเกมดังกล่าวยังมีผู้เล่นอเมริกันชื่อดังอีกหลายรายเดินทางมาแข่งให้ ปาญาคาเนสโตร ตริเอสเต้ แม้จะเพียงเกมเดียว อย่างเช่น สก็อตตี้ พิพเพ่น หรือ ชาร์ลส บาร์คลี่ย์
เจวอนเท กรีน ซึ่งเข้ามาอยู่ในลีกเอ็นบีเอกับบอสตัน เซลติกส์ และชิคาโก้ บูลล์ส ก็เคยแข่งกับตริเอสเต้อยู่สองปีด้วยซ้ำ
กรีนเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ ตริเอสเต้ เพราะอยู่ในชุดแชมป์ดิวิชันสองเมื่อปี 2018