หากใครเคยสงสัยว่า “ประสบการณ์” สำคัญอย่างไรกับนักกีฬา?
เรื่องราวของ “มีอา มิลลาร์” เงือกสาววัย 18 ปี ลูกครึ่งไทย-นิวซีแลนด์ คือคำตอบที่ชัดเจนที่สุด ว่าการเรียนรู้จากสนามจริง สามารถขัดเกลาทั้งฝีมือและหัวใจของนักกีฬาได้มากขนาดไหน
เธอคือผู้สร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองกรรเชียง 200 เมตร ซีเกมส์ 2025 ซึ่งถือเป็นเหรียญทองแรกในรอบ 22 ปีที่นักว่ายน้ำไทยทำได้ในอีเวนต์นี้ แต่เบื้องหลังความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ คือการเรียนรู้จากบทเรียนราคาแพงที่เธอเคยเกือบ “พัง” เพราะแบกโลกแห่งความคาดหวังไว้มากเกินไป
🏊♂️ ก้าวกระโดดที่ไร้ฐานรองรับ
มีอา ไม่ใช่นักกีฬาที่ถูกจับตามองตั้งแต่วัยเด็ก เธอค่อยๆ พัฒนาตัวเองมาอย่างเงียบๆ และเส้นทางสู่ทีมชาติก็นับว่ากระโดดข้ามขั้นพอสมควร ไม่เคยติดทีมชาติชุดเยาวชน ไม่เคยผ่านสนามกีฬานักเรียน แต่กลับกระโดดข้ามไปติดทีมชาติชุดใหญ่ในซีเกมส์ 2022 ที่เวียดนามด้วยวัยเพียง 14 ปี
“ตอนนั้นหนูเด็กมาก แมตช์ใหญ่สุดตอนนั้นคือชิงแชมป์ประเทศไทย ส่วนแมตช์แรกในนามทีมชาติคือซีเกมส์เลย เพราะช่วงโควิดทำให้ไม่ได้ไปแข่งที่ไหน” เธอเปิดใจกับ THE STANDARD SPORT
“เหมือนกับว่าพอพ้นโควิดมาก็เป็นซีเกมส์เลย แทบจะไม่ได้แข่งอะไรเลย มันกระโดดมากสำหรับหนูอาจจะตั้งสติไม่ทันหรือทำอะไรไม่ถูกด้วย”
แม้จะตื่นเต้นและกดดัน แต่ซีเกมส์หนแรกจบลงด้วยผลงาน 2 เหรียญทองแดง จากกรรเชียง 200 เมตร และผลัดผสม 4×100 เมตร อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จนั้นกลับกลายเป็นดาบสองคม เมื่อเธอยังไม่รู้วิธีรับมือกับความคาดหวังที่ตามมา จนเริ่มเครียดแม้กระทั่งการแข่งแมตช์เล็กๆ ในประเทศ
🏊♂️ เมื่อความสำเร็จ กลายเป็นแรงกดดัน
เหรียญที่ได้มา ทำให้มาตรฐานในใจของมีอาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากความภูมิใจ ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความคาดหวังที่เธอกดใส่ตัวเอง
“ตั้งแต่พอติดทีมชาติแล้ว หนูค่อนข้างกดดันตัวเอง แม้แต่แมตช์เล็กๆ ที่แข่งในไทย ถ้าเวลาไม่ดีเท่าที่อยากได้ก็เริ่มเครียด เพราะตั้งมาตรฐานตัวเองไว้ พอไปไม่ถึงมันก็กังวล”
1 ปีต่อมา ซีเกมส์ 2023 เธอกลับมาพร้อมความหวังที่มากกว่าเดิม อยากลดสถิติ อยากได้เหรียญที่ดีกว่า แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับสวนทาง ผลงานตกลง ทั้งเวลาและเหรียญ
“ตอนคัดตัวหนูทำเวลาได้ดี แต่ตอนไปแข่งมีปัจจัยหลายอย่าง หนูยังเครียดสะสมมาจากซีเกมส์ที่เวียดนามด้วย พอได้เหรียญแล้วมันก็กดดันตัวเองว่าจะต้องได้เหรียญอีกปี ก็เลยว่ายไม่ค่อยดี เพอร์ฟอร์แมนซ์ตกลงไปมาก”
“พอไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง กลับมาโค้ชให้หนูพักเกือบเดือน ไม่ให้ลงน้ำ ให้พักเพื่อรีเซตตัวเองใหม่ กลับมาซ้อมก็ไม่เน้นท่ากรรเชียง ซ้อมท่าอื่นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ เพื่อดึงสภาพจิตใจให้กลับมาดีอีกครั้ง พอไม่เครียดแล้วก็กลับมาว่ายกรรเชียง”
🏊♂️ ว่ายเพื่อ ‘ตัวเอง’ ไม่ใช่ ‘เหรียญ’
การรีเซตครั้งนั้นประกอบกับการได้ออกไปหาประสบการณ์ในเวทีต่างประเทศมากขึ้น ทำให้ทัศนคติของมีอาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เธอเลิกโฟกัสที่คู่แข่ง เลิกโฟกัสที่เหรียญรางวัล แต่กลับมาโฟกัสที่ “กระบวนการ” และ “สถิติ”
“พอได้ไปแข่งมากขึ้น มุมมองต่อการแข่งขันของหนูก็เปลี่ยนไป ตอนนี้หนูพยายามทำให้เต็มที่เท่าที่จะทำได้ คิดแค่ว่าไปแข่งแต่ละครั้งมันคือหนึ่งในกระบวนที่จะพาเราไปให้ถึงเป้าหมาย”
“พยายามสนุกกับการแข่งให้มากขึ้น ทุกครั้งที่ออกมาแข่งนานาชาติ ได้เจอเพื่อนก็สนุกกับการแข่งดีกว่ามานั่งเครียด”
เมื่อค้นพบขั้นตอนที่เหมาะสมกับตัวเอง มีอา เหมือนเป็นคนใหม่ ผลงานกลับมาดีขึ้นทันตา สร้างสถิติใหม่ประเทศไทยได้ในช่วงกลางปี
“พอลงสนามด้วยมายด์เซตนี้แล้ว หนูสามารถดึงศักยภาพตัวเองออกมาได้ใกล้เคียงหรือมากกว่าตอนซ้อม หนูพยามโฟกัสกับว่ายในเรซของตัวเอง ไม่สนใจว่าข้างๆ จะเปิดเร็วหรือช้า ผลลัพธ์จะบอกเองว่าที่เราซ้อมมาเป็นยังไง ไม่ว่าผลจะออกมาแบบไหนก็ต้องยอมรับ
“วิธีนี้ทำให้หนูไม่เครียด สนุกขึ้น เหมือนพบวิธีว่ายน้ำให้มีความสุขกับการแข่งขัน”
“หนูเคยคาดหวังว่าจะต้องได้เหรียญมากเกินไป จนลืมไปว่าว่ายน้ำเป็นกีฬาสถิติ สิ่งสำคัญกว่าก็คือสถิติที่เราทำได้ ไม่ใช่เหรียญรางวัล”
“ซีเกมส์ครั้งนี้หนูโฟกัสที่กรรเชียง 200 เหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือ หนูมาแข่งด้วยมายด์เซตใหม่ ไม่ได้กดดันตัวเองหรือคาดหวังว่าจะต้องมีเหรียญ ถึงแม้ว่าลึกๆ ในใจอาจจะมีบ้าง แต่สุดท้ายแล้ว พอเดินลงสนาม หนูตัดทิ้งเรื่องเหรียญออกไปให้หมด และ ทำตามที่ซ้อมมา”
ความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ทำไมประสบการณ์ถึงสำคัญกับนักกีฬา เพราะมันสามารถช่วยขัดเกลา ทุกความผิดหวังหรือทุกความสำเร็จ ช่วยให้นักกีฬาทุกคนได้เรียนรู้ในบริบทที่แตกต่างกัน และนำมาสู่ชัยชนะที่แท้จริง
“ตอนแตะขอบสระครั้งแรก หนูยังไม่รู้เลยว่าได้ที่หนึ่ง หนูดีใจเพราะเห็นเวลาตัวเองดีขึ้น เป็นสถิติประเทศไทย แต่พอมองขึ้นไปเห็นเพื่อนๆ ทุกคนดีใจ หนูถึงหันไปสกอร์บอร์ดอีกรอบ ถึงได้รู้ว่าตัวว่าได้เหรียญทอง น้ำตาไหลเลย”
“วันนี้ภูมิใจมาก เพราะมันเหนื่อยมากจริงๆ เหนื่อยแบบสุดๆ ให้คะแนน 11 เต็ม 10 เลย ซ้อมเหนื่อยจนเวียนหัว จนจะอาเจียน จนจะร้องไห้”
มีอา ทิ้งท้ายว่า หากย้อนกลับไปบอกตัวเองในวันที่ล้มได้ เธออยากบอกว่า คนที่แข็งแรงที่สุด ไม่ใช่คนที่ไม่เคยล้ม แต่คือคนที่ลุกขึ้นมาได้เร็วที่สุด เพราะชัยชนะทุกครั้ง ล้วนมีเบื้องหลังที่ไม่มีใครเห็น เป้าหมายต่อจากนี้ คือการว่ายให้เร็วขึ้น ก้าวไปสู่เวทีเอเชียนเกมส์ และพัฒนาตัวเองต่อไป โดยไม่ลืมสิ่งสำคัญที่สุด การว่ายน้ำให้สนุกและมีความสุขกับสิ่งที่ทำ


