วานนี้ (5 มีนาคม) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล เดินสายหาเสียงในภาคอีสานอย่างต่อเนื่องที่จังหวัดอุดรธานี
ปิยบุตรปราศรัยว่า ที่ผ่านมาจากพรรคอนาคตใหม่มาสู่พรรคก้าวไกล เราได้พิสูจน์แล้วว่าเราเป็นพรรคการเมืองที่ทำหน้าที่ในสภาได้อย่างดีเยี่ยม ไม่มีมวยล้มต้มคนดู อภิปรายทุกครั้งทุกคนยกให้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่อภิปรายได้ดีเยี่ยม ไม่มีมองว่ารัฐมนตรีคนไหนเป็นเพื่อนเก่า ไม่มีมองว่ารัฐมนตรีคนไหนช่วยดูแลอยู่ รัฐมนตรีคนไหนประพฤติมิชอบ พรรคก้าวไกลอภิปรายแทนประชาชนทั้งหมด
พรรคก้าวไกลยังได้เสนอแนวนโยบายแทนประชาชนหลายเรื่องอย่างตรงไปตรงมา ทั้งเรื่องการยกเลิกเกณฑ์ทหาร ทั้งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แรงงาน, พ.ร.บ.บำนาญประชาชน, การแก้ปัญหาที่ดิน ฯลฯ หลายกฎหมายถูกนายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตีตก ถูกคว่ำร่างกฎหมาย แต่ก็สร้างแรงสั่นสะเทือน ประชาชนสนับสนุนสิ่งที่พรรคก้าวไกลผลักดันอย่างกว้างขวาง ขนาดพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านยังทำได้ขนาดนี้ ถ้าเป็นรัฐบาลจะทำได้ขนาดไหน
ปิยบุตรยังกล่าวต่อไปว่า อุดรธานีขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงคนเสื้อแดง ที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาทุกยุคสมัย ปี 2553 คนที่เข้าไปต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างแข็งขันก็คือคนเสื้อแดงอุดรธานี แต่การต่อสู้ในวันนั้นจบลงด้วยการปราบปรามเข่นฆ่า คนเสื้อแดงหลายคนถูกจับดำเนินคดี บาดเจ็บล้มตายกันไป ผ่านไปถึง 13 ปี วันนี้ยังไม่ชำระสะสาง นายทหารที่บัญชาการสลายการชุมนุมยังลอยนวล ไม่มีการนำคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย แถมยังได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีในวันนี้
แม้แต่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่วันนี้เสนอตัวมาเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นโซ่ข้อกลางก้าวข้ามความขัดแย้ง ก็เป็นศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในวันนั้น ทำหน้าที่ปราบปรามสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ถามจริงว่าพี่น้องคนเสื้อแดงยอมให้คนแบบนี้ขึ้นมามีอำนาจได้ต่อไปอย่างนั้นหรือ ใครก็ตามที่ไปร่วมรัฐบาลกับ พล.อ. ประวิตรได้ ก็คือคนที่เหยียบหน้าคนเสื้อแดงทั้งประเทศ
สำหรับพรรคก้าวไกลชัดเจนมาตลอดว่าจะไม่เข้าร่วมกับพรรคทหารจำแลงไม่ว่าพรรคไหนทั้งนั้น ถ้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันข้างหน้ามีพรรคทหารจำแลงอยู่ในนั้นเมื่อไร พรรคก้าวไกลพร้อมเป็นฝ่ายค้านทันที
“พอกันทีกับการเมืองแบบเดิมๆ ลูบหน้าปะจมูก ไม่มีมิตรแท้-ศัตรูถาวร ผ่านมา 13 ปีจากเหตุการณ์ปี 2553 คนเสื้อแดงอุดรธานีย่อมจำเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ ความปรองดองอย่างแท้จริงจะเกิดขึ้นได้ไม่ใช่ยิงพวกเราตายเสร็จแล้วบอกว่าโทษที ลืมๆ กันไป ความปรองดองที่แท้จริงต้องมาจากการยอมรับความจริง ชำระสะสางเหตุการณ์ เอาคนผิดมาลงโทษให้ได้” ปิยบุตรกล่าว
ปิยบุตรยังกล่าวต่อไปว่า ท่ามกลางสถานการณ์ที่หน้าสื่อวันนี้เต็มไปด้วยข่าวการย้ายพรรค ดูดตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กันให้วุ่นวายน่าสับสนไปหมด วันหนึ่งอยู่พรรคสืบทอดอำนาจ อภิปรายด่าฝ่ายค้าน สนับสนุนรัฐบาลเต็มที่ มาอีกวันแค่เปลี่ยนเสื้อก็กลายเป็นฝ่ายประชาธิปไตยไปแล้ว สรุปว่าพรรคการเมืองเป็นที่รวมตัวของคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน หรือเป็นที่รวมตัวของคนอยากเป็น ส.ส. รวมยอดที่นั่ง ส.ส. กันไปแลกเก้าอี้รัฐมนตรีกันแน่
“ใครที่ไม่อยากเห็นการเมืองเดิมๆ แบบนี้อีกแล้ว ขอให้ร่วมกันเลือกพรรคก้าวไกลให้มากๆ ส.ส. พรรคก้าวไกล รวมตัวกันด้วยความต้องการเดียวเท่านั้นคือการเปลี่ยนแปลง เราต้องการ ส.ส. จำนวนมากๆ เพื่อไปยกมือให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไปเลือกพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ไปส่งมอบนโยบายที่ดีให้กับประชาชนเท่านั้น” ปิยบุตรกล่าว
ขณะที่พิธาระบุว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ทุกคนสามารถเลือกเพื่อการเปลี่ยนแปลงได้ เพื่ออนาคต 60% ของเด็กเล็กในอุดรธานีอยู่ในครอบครัวที่ยากจน เราต้องมีรัฐสวัสดิการให้ลูกเด็กเล็กแดง คืนครูให้กับห้องเรียน ยกเลิกระบบครูเวรทันที โรงเรียนต้องเป็นที่ปลอดภัยของทุกคน เราต้องกระจายอำนาจ เพิ่มอำนาจและงบประมาณให้ท้องถิ่นทุกระดับ ยกเลิกรัฐราชการรวมศูนย์ ไม่ใช่อย่างที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปพูดผิดๆ ว่าจะยุบองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)
ในการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคก้าวไกลเสนอว่านอกจากเรื่องของปัญหาปากท้องแล้ว เรายังต้องแก้ปัญหาการเมือง ซึ่งรวมไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 13 ปีที่แล้วด้วย วันนี้ตนต้องเตือนความจำทุกคนว่า พล.อ. ประวิตร ที่วันนี้อ้างว่าต้องการมาสร้างความปรองดอง แท้จริงแล้วเป็นเพียงการฟอกขาวตัวเอง เพราะความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนั้น พล.อ. ประวิตรเองก็เป็นผู้สร้างมันขึ้นมากับมือ ตัวเองเป็น ศอฉ. เพื่อนพี่น้องผู้รักประชาธิปไตยต้องไม่ลืมว่าประวิตรคือคนที่มีส่วนร่วมปราบปรามประชาชนในวันนั้น
พรรคก้าวไกลยืนยันในนโยบายการเมืองของเรา ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 13 ปีที่แล้วต้องได้รับการแสวงหาข้อเท็จจริง เอาคนผิดมารับโทษ จึงจะสร้างการปรองดองได้ พรรคก้าวไกลยืนยันมาตั้งแต่ต้นว่าจะเอาประเทศไทยเข้าสัตยาบัน ICC โดยไม่ต้องมีข้ออ้างรีรอใดๆ และต้องนิรโทษกรรมประชาชนย้อนหลังถึงปี 2557
แต่จะทำเช่นนั้นได้พรรคก้าวไกลต้องมี ส.ส. ในสภาที่มากพอ อุดรธานีคราวนี้พรรคก้าวไกลส่งครบ 10 คน 10 เขตเหมือนเดิม คราวที่แล้วพรรคอนาคตใหม่ได้มาเป็นที่สอง รอบนี้ขอที่หนึ่ง ให้ ส.ส. พรรคก้าวไกลได้เข้าไปผลักดันนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปากท้องดี ทั้งเรื่องการแก้ปัญหาที่ดิน นโยบายเกษตร รัฐสวัสดิการ และนโยบายการเมืองดี ที่จะยกเลิกวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวล และทำให้คนเห็นต่างไม่ต้องติดคุกอีกต่อไป
“ไม่ต้องกลัวคะแนนตกน้ำ เลือกทั้งทีต้องเลือกให้ขาด เลือกให้เปลี่ยนจริงๆ เลือกก้าวไกลให้ถล่มทลายเท่านั้นถึงจะเปลี่ยนแปลงได้ เปลี่ยนให้การเมืองดี เปลี่ยนให้ปากท้องดี ให้ประเทศไทยมีอนาคต” พิธากล่าว