วันนี้ (6 พฤศจิกายน) มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาว่า ตนยังไม่อยากพูด เนื่องจากขณะนี้ผลการเลือกตั้งยังไม่ออกมาอย่างชัดเจน ควรรอผลการเลือกตั้งก่อน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้เกิดการพลิกขั้วจะส่งผลต่อนโยบายของไทยอย่างไรบ้าง มาริษยืนยันว่า ไม่ว่าบุคคลใดจะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี หรือว่าประเทศไทยจะเปลี่ยนตัวผู้นำใดๆ ก็ตาม ก็ไม่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีเป็นระยะเวลานาน และมีความมั่นคง เข้มแข็ง ชัดเจน รวมทั้งมีความร่วมมือกันอย่างดีอยู่แล้ว ไม่ว่าใครจะเป็นผู้นำก็ตาม
ดังนั้นเรื่องการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทยและสหรัฐฯ ก็ยังเหมือนเดิม แม้อาจปรับเปลี่ยนบ้างก็ขึ้นอยู่กับการพูดคุยกันระหว่างผู้นำและทุกภาคส่วน เพราะจริงๆ แล้วรัฐบาลก็เข้ามาดูเรื่องนโยบาย แต่เรื่องการเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และความร่วมมือระหว่างกัน มีหลายระดับ หลายมิติ ซึ่งทุกภาคส่วนต้องไปด้วยกัน ภาครัฐบาล G2G เอกชนกับเอกชน และภาคประชาชน ทั้ง 3 ระดับนี้ดีอยู่แล้ว ใครจะมาเป็นหัวเรือก็ไม่มีปัญหา
มาริษยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ และเมื่อได้มาแล้ว นโยบายที่คาดหวังไว้อาจไม่เป็นไปตามนั้น จึงต้องรอผลการเลือกตั้งที่ชัดเจนก่อน และต้องพูดคุยกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะด้านการต่างประเทศของสหรัฐฯ ว่าใครจะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและมีนโยบายอย่างไร ซึ่งขณะนี้เป็นเพียงการคาดการณ์ทั้งนั้น ตนจึงยังไม่อยากพูด เพราะอาจส่งผลต่อการพูดคุยในอนาคตได้
มาริษย้ำว่า ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศยังคงมั่นคงแน่นแฟ้น และเป็นนโยบายสำคัญของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการเห็นประเทศไทยมีบทบาท และรัฐบาลต้องการเห็นความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับทุกประเทศเป็นอย่างดี ซึ่งต้องอยู่บนพื้นฐานความร่วมมืออย่างยุติธรรม และเพื่อผลประโยชน์ของทั้ง 2 ประเทศแบบ Win-Win Strategy