เมซุต โอซิล เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงแฟนบอลทีม ‘ปืนใหญ่’ อาร์เซนอลทุกคน โดยยอมรับว่ารู้สึกผิดหวังหลังจากที่ไม่มีชื่ออยู่ในลิสต์ 25 ผู้เล่นที่สโมสรลงทะเบียนในรายการพรีเมียร์ลีก แต่ยืนยันว่าจะพยายามทำต่อไปให้ดีที่สุด และไม่ต้องการให้ชีวิตการเล่นปีที่ 8 กับทีมจบลงแบบนี้
หลังจากที่อดีตกองกลางทีมชาติเยอรมนีตกเป็นข่าวว่าไม่มีชื่ออยู่ในลิสต์ 25 ผู้เล่นที่อาร์เซนอลลงทะเบียนสำหรับฤดูกาล 2020-21 ซึ่งต่อเนื่องจากการไม่มีชื่อในรายการยูฟ่ายูโรปาลีก ทำให้โอซิลจะไม่มีสิทธิ์ลงเล่นให้ทีมกันเนอร์สอีกเลยอย่างน้อยจนกว่าจะถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าที่จะเปิดให้มีการแก้ไขรายชื่อใหม่อีกครั้ง และมีการคาดการณ์ว่าเวลาของสตาร์วัย 31 ปีกับทีมได้จบลงแล้ว แม้ว่าจะเหลือสัญญาจนจบฤดูกาลก็ตาม
ล่าสุดทางด้านโอซิลได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงความรู้สึกที่เก็บไว้มานาน “นี่เป็นสารที่ยากจะเขียนถึงแฟนบอลอาร์เซนอล ซึ่งผมเล่นให้พวกเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
“ผมรู้สึกผิดหวังอย่างยิ่งกับข้อเท็จจริงที่ผมไม่ได้รับการลงทะเบียนเล่นพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลปัจจุบัน ก่อนจะเซ็นสัญญาฉบับใหม่ในปี 2018 ผมได้ย้ำเรื่องความจงรักภักดีที่ผมมีต่อสโมสรที่ผมรัก ซึ่งก็คืออาร์เซนอล และมันทำให้ผมรู้สึกโศกเศร้าอย่างยิ่งที่มันไม่ได้รับการตอบสนองกลับ ซึ่งผมก็เพิ่งจะได้ทราบว่าเรื่องของความภักดี มันแทบหาไม่ได้แล้วในปัจจุบัน ผมพยายามที่จะคิดในแง่บวกเสมอในแต่ละสัปดาห์ที่ผ่านไปว่าอาจจะมีโอกาสที่ผมจะได้กลับเข้าสู่ทีมอีกครั้ง และนั่นคือเหตุผลที่ผมเก็บตัวเงียบมาตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา
“ก่อนช่วงเบรกจากโควิด-19 ผมพอใจกับสถานการณ์ภายใต้โค้ชคนใหม่ของเรา มิเกล อาร์เตตา เราไปกันด้วยดี และผมอยากบอกว่าฟอร์มการเล่นของผมก็อยู่ในระดับที่ดี แต่เมื่อมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ก็เป็นอีกครั้งที่ผมไม่ได้รับอนุญาตให้ลงเล่นกับอาร์เซนอล
“จะมีสิ่งใดที่ผมพูดได้อีก? สำหรับผม ลอนดอนคือบ้าน ผมมีเพื่อนดีๆ มากมายในทีมแห่งนี้ และผมยังรู้สึกผูกพันกับแฟนบอลอย่างมาก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ผมจะพยายามต่อสู้เพื่อโอกาสของผม และจะไม่ยอมปล่อยให้ฤดูกาลที่ 8 ของผมกับอาร์เซนอลต้องจบลงแบบนี้ ผมให้สัญญากับทุกคนว่าการตัดสินใจที่ยากจะยอมรับได้ครั้งนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงความคิดของผม ผมจะพยายามลงฝึกซ้อมให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะสามารถทำได้ และใช้เสียงของผมเพื่อต่อสู้กับความไร้มนุษยธรรม และเรียกร้องความยุติธรรมในทุกที่ที่เป็นไปได้”
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: