×

มองโอกาสลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านเลนส์ Merkle Capital หลัง Fed ลดดอกเบี้ย ดัน Bitcoin ปรับตัวขึ้น 25%

04.10.2024
  • LOADING...

ราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวขึ้นกว่า 25% ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปีที่ 0.5% หรือ 50 Basis Points (Bps) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญของวัฏจักรตลาด (Market Cycle) ส่งผลให้นักลงทุนเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น และเป็นโอกาสของสินทรัพย์ดิจิทัลในระยะยาว

 

วรเมธ จันทร์เสน ที่ปรึกษาการลงทุน บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด เผยว่า Bitcoin และภาพรวมคริปโต โดยเฉพาะกลุ่ม Ethereum ecosystem มีแนวโน้มเติบโตได้สูงในเดือนตุลาคม ด้วย 3 ปัจจัยหลักดังนี้

 


 

1. Dot Plot แสดงถึงโอกาสของสินทรัพย์เสี่ยงในระยะยาว

 

จาก Dot Plot ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ เผยแพร่ในเดือนกันยายน เมื่อพิจารณาอัตราดอกเบี้ยในระยะยาวที่กรอบ 2.5-3.0% จะพบว่า อัตราดอกเบี้ยต่างจากปี 2025 เพียง 25-50 Bps เท่านั้น แสดงให้เห็นถึงตลาดลงทุนที่มีแนวโน้มผ่อนคลายในระยะยาว ซึ่งถือเป็นโอกาสที่มีนัยสำคัญของสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งด้านปัจจัยพื้นฐานและสถิติ 

 

อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยจริงในอนาคตอาจมีความผันผวนจาก Dot Plot ที่ประกาศออกมา

 

ภาพ: Cmegroup.com

 

2. ปริมาณอุปทานเหรียญ Stablecoin ทดสอบระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี

 

ข้อมูลของ Total Stablecoin Supply แสดงให้เห็นถึงมูลค่าเงินสดที่อยู่ในตลาดคริปโต และแม้ในปัจจุบันราคาของ BTC จะผ่านเคยผ่านจุดสูงสุดเดิมแล้ว แต่สกุลเงินอื่นนั้นยังไม่สามารถทดสอบระดับเดิมได้ ซึ่งเมื่อพิจารณาร่วมกับข้อมูลนี้จะพบว่า Total Stablecoin Supply ที่ระดับสุดนั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่แสดงถึงความเชื่อที่เพิ่มสูงขึ้นของนักลงทุนในปัจจุบัน

 

ภาพ: Theblock.co

 

3. Total3 หรือมูลค่าตลาดเหรียญคริปโตที่ไม่รวม Bitcoin และ Ethereum (Altcoins Market Cap) ผ่านแนวทดสอบสำคัญ

 

Total3 คือข้อมูลที่แสดงถึงมูลค่าตลาดของคริปโต ยกเว้น Bitcoin และ Ethereum ซึ่งปรับตัวขึ้นกว่า 25% และผ่านแนวทดสอบสำคัญในรอบ 6 เดือน แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อภาพรวมตลาดคริปโต โดยเฉพาะกลุ่ม Ethereum Ecosystem ที่ดีดตัวขึ้นนำสกุลเงินอื่น

 

ภาพ: Tradingview.com

 

มานะ คานิโยว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านพัฒนาธุรกิจและพาณิชย์ บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวไปข้างต้น อาจมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การบานปลายของสงคราม โดยอาจทำให้มีตลาดตื่นตระหนกและเกิดการเทขายสินทรัพย์ต่างๆ (Panic Sell) หากสถานการณ์ลุกลาม ซึ่งตรงข้ามกับสภาพเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม สัญชัย ปอปลี ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ให้ความเห็นกับ THE STANDARD WEALTH ว่า “ในภาพรวมเรายังมองว่ามีปัจจัยบวกหลายอย่างที่จะทำให้ตลาดเติบโตได้ในระยะยาว แม้ว่าภาวะสงครามอาจทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง แต่เราน่าจะเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวในเวลาสั้นๆ เท่านั้น และสุดท้ายตลาดคริปโตจะสามารถฟื้นตัวกลับไปสู่ระดับก่อนหน้าสงครามได้”

 

หมายเหตุ:

 

  • บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุนแต่อย่างใด การลงทุนมีความเสี่ยง ควรวิเคราะห์อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
  • คริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง และสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising