CNN Business เผยแพร่บทสัมภาษณ์ เหรินเจิ้งเฟย ประธานกรรมการบริหารบริษัท Huawei ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของโลกเมื่อวานนี้ (1 ธันวาคม) ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 ปีที่ ซาบรีนา เมิ่ง หรือเมิ่งหว่านโจว บุตรสาวของเขา ผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Huawei ถูกจับกุมในแคนาดา และจนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศ โดยอยู่ในสถานะได้รับการประกันตัว แต่ต้องถูกกักบริเวณในบ้านพักที่เมืองแวนคูเวอร์ เพื่อรอพิจารณาส่งตัวไปดำเนินคดีในสหรัฐฯ ฐานละเมิดกฎคว่ำบาตรสหรัฐฯ ที่มีต่ออิหร่าน
ที่ผ่านมาเมิ่งถูกยกให้เป็นภาพโฉมหน้าของสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ แต่สำหรับเหริน เธอคือลูกสาวที่เขาต้องชื่นชม หลังจากที่เธออดทนต่อความทุกข์จากการถูกกักขังในบ้านพักมานานนับปี
“เธอควรจะภูมิใจที่ได้ติดอยู่ในสถานการณ์นี้ในการต่อสู้ระหว่างสองชาติ ซึ่งเธอได้กลายมาเป็นหมากต่อรอง” เหรินกล่าว
เมิ่งถูกทางการแคนาดาจับกุมตัวตามคำขอของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2018 จากกรณีละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ด้วยการให้บริษัทลูก Skycom แอบจำหน่ายสินค้าที่ผลิตในสหรัฐฯ ให้แก่อิหร่าน โดยทั้งเธอและจำเลยร่วมคือ Huawei และบริษัทลูกอีก 2 บริษัท ถูกศาลสหรัฐฯ ดำเนินคดีในข้อหาอาญารวม 13 กระทง เช่น ฉ้อโกงธุรกรรมธนาคาร, ขโมยความลับทางการค้า และละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่มีต่ออิหร่าน แต่ทั้งเมิ่งและ Huawei ต่างยืนยันปฏิเสธข้อกล่าวทั้งหมด
Huawei กลายเป็นจุดสนใจในสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ หลังวอชิงตันกล่าวหา Huawei ว่าเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติและสนับสนุนธุรกิจที่ดำเนินการสวนทางต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ซึ่ง Huawei พยายามชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง แม้ถูกสหรัฐฯ กดดันและขึ้นบัญชีดำห้ามบริษัทสัญชาติอเมริกัน เช่น Google, Intel และ Micron ทำธุรกิจด้วย
ขณะที่เหรินต้องพยายามต่อสู้เพื่อนำพาบริษัทให้รอดพ้นวิกฤตจากแรงบีบของสหรัฐฯ ตลอดปีที่ผ่านมา และมักจะเปรียบเทียบ Huawei ว่าเป็นเหมือนเครื่องบินยุคสงครามโลกที่เต็มไปด้วยรูกระสุน แต่ยังบินอยู่ได้ และเปรียบพนักงานเหมือนช่างที่กำลังพยายามอุดรู
อย่างไรก็ตาม เหรินมั่นใจว่าบุตรสาวของเขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นจากความทุกข์ทรมานในครั้งนี้
“ประสบการณ์จากความยากลำบากและความทุกข์นั้นเป็นสิ่งดีสำหรับเมิ่งและการเติบโตของเธอภายใต้ฉากอันยิ่งใหญ่ของสงครามการค้า” เหรินกล่าว
ทั้งนี้เมิ่งใช้เวลาระหว่างถูกกักตัวในบ้านพักด้วยการอ่านหนังสือและวาดภาพ โดยแม่และสามีของเธอเดินทางไปแคนาดาเพื่อพักอยู่กับเธอบ่อยครั้ง ขณะที่เมิ่งระบุในจดหมายเปิดผนึกที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ Huawei ว่าเธอได้รับอนุญาตให้ท่องเที่ยวได้ในพื้นที่เมืองแวนคูเวอร์ แต่ต้องสวมกำไลข้อเท้าอิเล็กทรอนิกส์ และมีช่วงเวลาเคอร์ฟิวระหว่าง 23.00-06.00 น. ซึ่งช่วงเวลาระหว่างที่ถูกกักตัวนั้นผ่านไปอย่างช้าๆ แตกต่างจากชีวิตที่ผ่านมาของเธอซึ่งเป็นไปอย่างเร่งรีบ
“ตอนฉันอยู่ที่เซินเจิ้น เวลามักจะผ่านไปไวมาก ฉันมักรู้สึกเหมือนกำลังทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน และไม่เคยมีเวลาพอที่จะทำทุกอย่างให้เสร็จสิ้น แต่ตอนนี้เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ฉันมีเวลามากพอที่จะอ่านหนังสือจากเล่มหนึ่งไปอีกเล่มหนึ่ง ฉันมีเวลาพูดคุยเรื่องปลีกย่อยกับเพื่อนร่วมงานของฉัน หรือค่อยๆ บรรจงวาดภาพสีน้ำมันจนเสร็จ” เมิ่งระบุในจดหมายเปิดผนึก
ขณะที่เหรินชี้ให้เห็นหนึ่งในข้อดีที่บุตรสาวของเธอถูกกักตัวว่าทำให้เขาและบุตรสาวใกล้ชิดกันมากขึ้น พวกเขาพูดคุยกันมากกว่าแต่ก่อน และบางครั้งเขายังส่งเรื่องราวตลกๆ ที่พบในโลกออนไลน์ไปให้บุตรสาวดูด้วย
“ในอดีตนั้นเมิ่งหว่านโจวอาจจะไม่เคยโทรหาผมเลยสักครั้งในรอบปี เธอจะไม่ถามว่าผมเป็นอย่างไรหรือแม้แต่ส่งข้อความมาหาผม ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเราพ่อลูกนั้นใกล้ชิดกันมากขึ้น” เหรินกล่าว
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: