หลังขึ้นราคาเมนูในตลาดอเมริกาไปกว่า 10% จนจำนวนลูกค้าเข้าร้านลดลง ล่าสุด McDonald’s เชนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดรายใหญ่ ปรับไลน์เมนูชุดเบอร์เกอร์ให้มีราคาเข้าถึงง่าย เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้ารายได้น้อย พร้อมเดินหน้าขยายสาขาใหม่ในจีนกว่า 1,000 แห่งภายในปี 2024
นับว่าสวนทางกับหลายๆ แบรนด์ที่ชะลอการเปิดสาขาในจีน เนื่องจากสถานการณ์ปัญหาเศรษฐกิจในจีนยังไม่ทีท่าว่าจะดีขึ้น แต่ McDonald’s ได้มองเห็นโอกาสในตลาดฟาสต์ฟู้ดที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่าการเปิดร้านในจีนครั้งนี้ถือว่ามากกว่าการเปิดร้านในประเทศอื่นๆ ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน การแข่งขันก็สูงขึ้น เพราะผู้เล่นอย่าง Yum China Holdings คู่แข่งของ McDonald’s ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นเจ้าของแบรนด์ Pizza Hut และ KFC ในจีนก็พยายามขยายสาขาในจีนอีกกว่า 20,000 แห่งเช่นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘McDonald’s’ เชนร้านฟาสต์ฟู้ดรายใหญ่ จ่อปรับขึ้นค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ครั้งแรกในรอบ 30 ปี…
- ตอกย้ำผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดเบอร์เกอร์ ‘แมคโดนัลด์’ เปิดตัวแคมเปญ ‘Next Gen Burger’…
- ลูกค้า McDonald’s เงินในกระเป๋าลดลง เลือกซื้อเฉพาะเมนูสุดคุ้ม จับคู่เบอร์เกอร์-เฟรนช์ฟรายส์…
“ต้องยอมรับว่าวิกฤตเศรษฐกิจในจีนเป็นตัวแปรให้ผู้คนในประเทศมองหาอาหารที่ราคาไม่สูงมากนัก บวกกับจำนวนประชากรกว่า 1.4 พันล้านคนจึงเป็นโอกาสของเราที่จะเข้าไปขยายกลุ่มผู้บริโภคและสร้างยอดขาย” Chris Kempczinski ซีอีโอ McDonald’s กล่าว
โดยการทำตลาดในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน ยกตัวอย่างในอเมริกา หลังจากปีที่แล้วเราปรับขึ้นราคาเมนูเพิ่มขึ้นประมาณ 10% เพื่อรองรับต้นทุนทั้งแรงงาน วัตถุดิบ และค่าเช่าต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น แล้วมาบวกกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจ จนมีเสียงสะท้อนจากลูกค้าว่าราคาสูงเกินไป ส่งผลให้จำนวนลูกค้าในบางสาขาลดลงและมีผลต่อยอดขายในที่สุด
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดในทุกๆ ตลาด นอกจากการพัฒนาเมนูใหม่ๆ แล้ว สิ่งที่แบรนด์ให้ความสำคัญมาตลอดคือจัดรายการชุดอิ่มคุ้มที่มีทั้งเบอร์เกอร์และเครื่องดื่ม ราคาเข้าถึงง่าย เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ เข้ารองรับพฤติกรรมลูกค้าที่มีรายได้น้อย ส่วนใหญ่จะเลือกซื้อราคาเมนูที่ต่ำสุดมากกว่าโปรโมชัน
อ้างอิง: