หลังจากถูกเลื่อนฉายไปมาอยู่หลายรอบเพราะการระบาดของโควิด ในที่สุด Black Widow ภาพยนตร์จากสตูดิโอ Marvel ที่หลายคนรอคอยก็ได้เข้าฉายสักที ผ่านการจัดจำหน่ายแบบลูกผสม (Hybrid Distribution) แถมยังทำเงินในสัปดาห์แรกได้อย่างน่าประทับใจ
โดย Black Widow นับเป็นภาพยนตร์จากสตูดิโอ Marvel เรื่องแรกที่เข้าฉายพร้อมกันทั้งในโรงภาพยนตร์และสตรีมมิง Disney+ ในรูปแบบ Premier Access (ผู้เป็นสมาชิกต้องจ่ายเงิน 30 ดอลลาร์ หรือราว 980 บาท เพื่อรับชม)
Black Widow คือภาพยนตร์ที่เปิดตัวแรงสุดในยุคโควิด จากรายงานบอกว่าสามารถเก็บเงินไปได้ถึง 140 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็นโรงภาพยนตร์ 80 ล้านดอลลาร์ และ Disney+ 60 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหากรวมจำนวนเงินที่ทำได้จากการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ประเทศอื่นๆ อีก 78 ล้านดอลลาร์ ก็จะทำให้ตัวเลขเงินเปิดตัวในสัปดาห์แรกพุ่งไปถึง 218 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
ทั้งนี้ ปัจจุบัน Black Widow ยังไม่มีกำหนดการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ประเทศจีน ซึ่งถือเป็นตลาดสำคัญของแฟรนไชส์ภาพยนตร์ Marvel ที่จะช่วยให้เก็บเงินได้มากกว่านี้อีกเยอะ
“การเปิดตัวอันยอดเยี่ยมในสัปดาห์แรกของ Black Widow เป็นสิ่งตอกย้ำว่ากลยุทธ์การจัดจำหน่ายแบบยืดหยุ่นสำหรับแฟรนไชส์ดังๆ ช่วยให้ผู้คนได้สัมผัสกับประสบการณ์รับชมภาพยนตร์ที่แท้จริงในโรง ขณะเดียวกันก็ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคที่ยังมีความกังวัลกับการระบาดของโควิดอยู่ด้วย” คารีม แดเนียล ประธานฝ่ายการจัดจำหน่ายของดิสนีย์กล่าว
สำหรับค่ายดิสนีย์ พวกเขาเริ่มใช้วิธีการจัดจำหน่ายแบบลูกผสมมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของวิกฤตโรคระบาด แต่ก็ยังไม่สามารถตัดสินได้ว่ากลยุทธ์นี้เวิร์กหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ดิสนีย์ไม่เคยออกมาเปิดเผยข้อมูลเชิงสถิติ ยอดผู้ชม หรือรายได้ของภาพยนตร์ที่เข้าฉายในโรงพร้อม Disney+ แบบ Premier Access อย่าง Cruella (2021) หรือ Raya and the Last Dragon (2021) เลย
ภาพ: Marvel
อ้างอิง: