เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้ทำพรีวิวผลประกอบการไตรมาส 4/63 ของ บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ซึ่งคาดว่าจะประกาศวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น TU ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 8.9%MoM สู่ระดับ 14.70 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวขึ้น 1.0%MoM สู่ระดับ 1,501.62 จุด (ข้อมูล ณ วันที่ 25 มกราคม 2564)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/63 ของ TU ที่ 1.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 41%YoY แต่ลดลง 27%QoQ โดยกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดมาจากยอดขายและอัตรากำไรที่แข็งแกร่งขึ้นจากธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่กำไรสุทธิลดลง QoQ โดยมีสาเหตุมาจากปัจจัยทางฤดูกาล
สำหรับยอดขายไตรมาส 4/63 ที่เติบโต 6%YoY หลักๆ มาจากยอดขายอาหารทะเลแปรรูปที่ดีขึ้นในทุกตลาด เนื่องมาจากได้อานิสงส์จากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งมากพอที่จะชดเชยยอดขายอาหารทะเลแช่แข็งที่หดตัวลงเล็กน้อยจากการชะลอตัวของธุรกิจบริการอาหารในสหรัฐฯ ที่สืบเนื่องมาจากการล็อกดาวน์
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้น 140 bpsYoY สู่ระดับ 17.5% โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายอาหารทะเลแปรรูปซึ่งให้อัตรากำไรสูงที่เพิ่มขึ้น และยอดขายอาหารทะเลแช่แข็งซึ่งให้อัตรากำไรต่ำลดลง นอกจากนี้ยังมีการประหยัดต่อขนาดที่ดีขึ้นจากการผลิตอาหารทะเลรูปมากขึ้น
ทั้งนี้ TU เผยว่าโมเมนตัมที่เป็นบวกจากรายได้ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและอัตรากำไรที่ดีขึ้นเพราะประโยชน์จากโควิด-19 จะยังคงเกิดขึ้นอย่างน้อย 6 เดือน
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 4/63 ของ Red Lobster มีแนวโน้มที่หดตัวลง YoY เนื่องจากรายได้ที่ลดลง 20-30%YoY เพราะจำนวนลูกค้าลดลงเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งไปหักล้างกับประโยชน์จากการปรับลดค่าใช้จ่ายพนักงาน ค่าใช้จ่ายการตลาด และค่าเช่า ทั้งนี้ ร้านอาหาร Red Lobster มี 78% ที่เปิดให้นั่งรับประทานภายในร้าน ซึ่งมีการลดจำนวนที่นั่งเหลือ 50% และมีร้าน 99% ที่เปิดให้นั่งรับประทานภายในร้าน โดย SCBS ได้คาดการณ์ส่วนแบ่งขาดทุนสุทธิของไตรมาส 4/63 จาก Red Lobster ที่ 215 ล้านบาท แย่ลงจากขาดทุนสุทธิที่ 165 ล้านบาทในไตรมาส 4/62
มุมมองระยะยาว:
สำหรับแนวโน้มกำไรปกติของ TU ในปี 2564 SCBS คาดว่าจะอยู่ในระดับที่ทรงตัว เนื่องจากยอดขายอาหารทะเลแช่แข็งซึ่งให้อัตรากำไรต่ำจะถูกชดเชยด้วยผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของ Red Lobster
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
