เกิดอะไรขึ้น:
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเร่งตัวขึ้นในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2022 โดยในเดือนเมษายนมีจำนวน 293,000 คน (เพิ่มขึ้น 39%MoM) และ 532,000 คนในเดือนพฤษภาคม (เพิ่มขึ้น 81%MoM) หลังจากประเทศไทยผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทาง เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาประเทศไทยได้ง่ายขึ้น ซึ่งตลาดหลักๆ คือ นักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักร, อินเดีย, เยอรมนี, สิงคโปร์, สหรัฐอเมริกา, ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น และมาเลเซีย
โมเมนตัมที่แข็งแกร่งขึ้นคาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่องในเดือนมิถุนายน เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศในช่วงวันที่ 1-4 มิถุนายนของ AOT คิดเป็น 27% ของระดับก่อนเกิดโควิด ซึ่งสูงกว่า 22% ในเดือนพฤษภาคม 2022
ประเทศไทยกำลังเดินหน้าเข้าใกล้การเปิดอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น เนื่องจากข้อจำกัดเดียวที่เหลืออยู่สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติคือ การกำหนดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องลงทะเบียนในระบบ Thailand Pass โดยให้ยื่นเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน, การตรวจโควิดก่อนเดินทาง (กรณีไม่ได้รับวัคซีน / ได้รับไม่ครบตามข้อกำหนด) และเอกสารกรมธรรม์ประกันสุขภาพ
ทั้งนี้ SCBS ยังคงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยไว้ที่ 8 ล้านคนในปี 2022 ซึ่งหมายความว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยมากขึ้นใน 2H22 (เทียบกับ 1.3 ล้านคนใน 5M22) และ 25 ล้านคนในปี 2023 คิดเป็น 20 และ 63% ของระดับก่อนเกิดโควิด ตามลำดับ
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว (SETTOURISM) ปรับเพิ่มขึ้น 2.90% MoM โดย
ราคาหุ้น AAV ปรับลดลง 5.33%MoM อยู่ที่ระดับ 2.84 บาท
ราคาหุ้น AOT ปรับเพิ่มขึ้น 3.77%MoM สู่ระดับ 68.75 บาท
ราคาหุ้น AWC ปรับเพิ่มขึ้น 1.65%MoM สู่ระดับ 4.92 บาท
ราคาหุ้น CENTEL ไม่เปลี่ยนแปลง MoM อยู่ที่ระดับ 42.70 บาท
ราคาหุ้น ERW ปรับเพิ่มขึ้น 1.09%MoM สู่ระดับ 3.70 บาท
ราคาหุ้น MINT ปรับเพิ่มขึ้น 3.70%MoM สู่ระดับ 35.00 บาท
มุมมองต่อผู้ประกอบการ:
SCBS ประเมินการดำเนินงานของหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวใน 2Q22 จะปรับตัวดีขึ้น QoQ โดย MINT โดดเด่นกว่าผู้ประกอบการโรงแรมรายอื่นๆ เนื่องจากมีรายได้จากตลาดยุโรป (ผ่าน NH Hotel Group (NHH) ซึ่งคิดเป็น 64% ของรายได้จากธุรกิจโรงแรม) ซึ่งกำลังจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซันในสัดส่วนสูง อัตราการเข้าพักของ NHH เพิ่มขึ้นสู่ ~63% ในเดือนเมษายน และ ~70% ในเดือนพฤษภาคม 2022
ERW, CENTEL และ AWC ซึ่งดำเนินกิจการโรงแรมส่วนใหญ่ในประเทศไทย รายงานอัตราการเข้าพักสูงขึ้นในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2022 ดีกว่าที่ประเมินไว้ว่าอัตราการเข้าพักจะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ซึ่งอัตราการเข้าพักของ ERW (ยกเว้น HOP INN) อยู่ที่ ~50-58% (เทียบกับ 31% ใน 1Q22) CENTEL อยู่ที่ ~50% (เทียบกับ 29% ใน 1Q22) และ AWC อยู่ที่ ~40% (เทียบกับ 35% ใน 1Q22)
อย่างไรก็ดี AOT, ERW และ AWC คือหุ้นเด่นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวปรับตัวขึ้นมาแล้ว 2-19% ดีกว่า SET ที่คงที่ สะท้อนถึงมุมมองเชิงบวกของตลาดต่อการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งมากขึ้นของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย จึงเชื่อว่าแนวโน้มที่ดีขึ้นของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยและผลประกอบการที่จะปรับตัวดีขึ้นตามมาใน 2H22 จะช่วยสนับสนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อไปได้อีก
สำหรับหุ้นเด่นกลุ่มท่องเที่ยว SCBS เลือก AOT, ERW และ AWC เพราะบริษัทเหล่านี้มีรายได้จากธุรกิจท่องเที่ยวในสัดส่วนสูงและผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัว อีกทั้งปัจจุบันยังเทรดต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโควิดอยู่ 7, 3 และ 16% ตามลำดับ
ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อประมาณการดังกล่าวคือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคและความต้องการเดินทาง อีกทั้งนักท่องเที่ยวจากจีนฟื้นตัวช้า (ตลาดใหญ่ที่สุด โดยคิดเป็น 28% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยในปี 2019) ซึ่งสมมติฐานว่านักท่องเที่ยวจากจีนจะเริ่มทยอยกลับมาเข้าใน 2H22 และจะเข้ามามากยิ่งขึ้นในปี 2023
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP
