เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2567 บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) รายงานกำไรสุทธิ 3Q67 ที่ 1.71 พันล้านบาท (ลดลง 2%QoQ, 9%YoY) เป็นไปตามคาด
โดยมีรายการที่สำคัญใน 3Q67 ดังนี้
- คุณภาพสินทรัพย์: อัตราส่วน NPL อยู่ในระดับทรงตัว QoQ ที่ 2.44% โดย NPL จากสินเชื่อเช่าซื้อลดลง 2.7%QoQ แต่ NPL จากสินเชื่อจำนำทะเบียนเพิ่มขึ้น 2.4%QoQ Credit Cost ลดลง 8 bps QoQ สู่ 0.62% ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย LLR Coverage ลดลงสู่ 159% จาก 163% ใน 2Q67
TISCO คาดว่า Credit Cost จะอยู่ที่ >0.5% ถึง <0.7% ในปี 2567 และ 1% ถึงสูงกว่า 1% เล็กน้อย ในปี 2568 ซึ่งเป็นผลมาจากการกลับมาตั้งสำรองตามปกติหลังจากสำรองส่วนเกินกำลังจะหมดลง โดยได้ปรับประมาณการ Credit Cost ปี 2568 เพิ่มขึ้น 10 bps สู่ 1.05% และคาดการณ์ Credit Cost ที่ 0.6% (เพิ่มขึ้น 33 bps) ในปี 2567 และ 1.05% (เพิ่มขึ้น 45 bps) ในปี 2568
- การเติบโตของสินเชื่อลดลง 1.5%QoQ, ลดลง 0.8%YoY และลดลง 2.1%YTD โดยสินเชื่อหดตัวลง QoQ ทุกกลุ่ม ยกเว้นสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ (เพิ่มขึ้น 1.9%QoQ, 6.9%YoY และ 3.6%YTD) อย่างไรก็ตาม ยังคงประมาณการการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ 0% ในปี 2567 และ 1% ในปี 2568
- IM เพิ่มขึ้น 5 bps QoQ (ลดลง 30 bps YoY) อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น 8 bps QoQ (เพิ่มขึ้น 5 bps YoY) ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 3 bps QoQ (เพิ่มขึ้น 42 bps YoY)
- Non-NII ลดลง 10%QoQ (เพิ่มขึ้น 13%YoY) โดยเกิดจากกำไรจากเครื่องมือทางการเงิน (หลักๆ เป็นอัตราแลกเปลี่ยน) ที่ลดลงจากระดับสูงกว่าปกติใน 2Q67 รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้น 2%QoQ (เพิ่มขึ้น 5%YoY) หลักๆ เกิดจากรายได้ค่านายหน้า
- อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้เพิ่มขึ้น 23 bps QoQ (ลดลง 61 bps YoY) สู่ 47.96% ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ที่อ่อนตัวลง อย่างไรก็ตาม OPEX ลดลง 3%QoQ (ลดลง 2%YoY)
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น TISCO ปรับลง 0.77% อยู่ที่ 96.75 บาท ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 2.85% อยู่ที่ 1,465.03 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2567-2568:
InnovestX Research ปรับประมาณการกำไรปี 2568 ลดลง 4% เนื่องจากได้ปรับประมาณการ Credit Cost ปี 2568 เพิ่มขึ้น 10 bps เพื่อสะท้อนเป้าหมายล่าสุด
สำหรับปี 2568 คาดว่ากำไรจะลดลง 6% โดยอิงกับ Credit Cost ที่เพิ่มขึ้น 45 bps (กลับสู่ระดับปกติ) NIM ที่เพิ่มขึ้น 9 bps (ใช้สมมติฐานว่ามีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย) และการเติบโตของสินเชื่อที่ 1% กำไร 9M67 คิดเป็น 75% ของประมาณการกำไรเต็มปี (ลดลง 5%) ทั้งนี้ คาดว่ากำไร 4Q67 จะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ (ECL สูงขึ้น, Non-NII สูงขึ้น) แต่จะลดลง YoY (ECL สูงขึ้น)
อย่างไรก็ตาม แม้คาดว่ากำไรจะลดลงในปี 2567 และปี 2568 แต่คาดว่า TISCO จะยังคงจ่ายเงินปันผลที่ 7.7 บาทต่อหุ้นในปี 2567 (อัตราการจ่ายเงินปันผล 89%) และปี 2568 (อัตราการจ่ายเงินปันผล 96%) ซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลระดับสูงที่ 7.96%
ด้วยอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนระดับสูงที่ 19% (17.2% สำหรับเงินกองทุนชั้นที่ 1) และการขยายสินเชื่อค่อนข้างจำกัด TISCO จึงน่าจะยังคงจ่ายเงินปันผลระดับสูงต่อไปอีกหลายปี โดย TISCO มีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่เกิน 100%
กลยุทธ์การลงทุนยังคงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ TISCO โดยปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 105 บาท สู่ 103 บาทต่อหุ้น (อ้างอิง PBV ปี 2568 ที่ 1.9 เท่า) เนื่องจากปรับประมาณการ Credit Cost ปี 2568 เพิ่มขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาดและไม่ทั่วถึง ราคารถมือสองลดลง และความเสี่ยง ESG ด้านการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market Conduct)