เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) รายงานกำไรสุทธิ 1Q68 ที่ 714 ล้านบาท ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้จากปริมาณน้ำมันดิบที่นำเข้ากลั่นและกำไรจากธุรกิจการตลาดน้ำมันที่สูงกว่าคาด อัตรากำไรของกิจการอยู่ที่ 5.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 19% QoQ เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปกับน้ำมันดิบลดลง โดยเฉพาะน้ำมันเบนซิน
SPRC เพิ่มปริมาณน้ำมันดิบที่นำเข้ากลั่นเป็น 165.9kbd (อัตราการใช้กำลังการผลิต 95%) ใน 1Q68 หลังจากที่มีการหยุดการทำงานของหน่วยกำจัดกำมะถันในน้ำมันดีเซล (DHTU) เพื่อเปลี่ยนตัวเร่งปฏิกิริยาช่วงสั้นๆ ใน 4Q67 ส่งผลทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้น 6% QoQ ในขณะที่ปริมาณการผลิตผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ โดยส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง QoQ เนื่องจากตลาดเอื้ออำนวยน้อยลง
โดยเฉพาะน้ำมันเบนซินที่สัดส่วนลดลงจาก 28% ใน 4Q67 มาอยู่ที่ 25% ใน 1Q68 SPRC ยังคงเพิ่มยอดขายในประเทศให้สูงสุด โดยเพิ่มขึ้นจาก 92% ของปริมาณการขายทั้งหมดใน 4Q68 มาอยู่ที่ 95% ใน 1Q68 สำหรับธุรกิจการตลาดน้ำมัน ปริมาณการขายปลีกเพิ่มขึ้น 11% QoQ โดยปริมาณการจำหน่ายเฉลี่ยต่อสถานีเพิ่มขึ้น 2% QoQ
อัตรากำไรของกิจการได้แรงหนุนจากค่าการตลาด SPRC เปลี่ยนการรายงานอัตรากำไรขั้นต้นจากค่าการกลั่นมาเป็นอัตรากำไรของกิจการ (EM) (ค่าการกลั่นและค่าการตลาดรวมกัน) โดย EM ใน 1Q68 อยู่ที่ 5.45 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 18.9% QoQ ซึ่งเป็นผลมาจากค่าการกลั่นพื้นฐานที่ลดลง แม้ว่ายังคงสูงกว่าค่าการกลั่นตลาดสิงคโปร์จากการกลับมาใช้งานทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล (SPM) ซึ่งหนุนให้ค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น 1-1.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
นอกจากนี้บริษัทยังรายงานกำไรจากสต็อกน้ำมันสุทธิ 0.46 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ใน 1Q68 ฟื้นตัวจากขาดทุน 0.6 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ใน 4Q67 โดยรายการนี้ยังช่วยหนุนให้กำไรสุทธิ 1Q68 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง QoQ ด้วย
สำหรับแนวโน้มกำไรปกติ 2Q68 คาดจะปรับตัวดีขึ้น QoQ InnovestX Research คาดว่าค่าการกลั่นที่แข็งแกร่งขึ้นโดยได้แรงหนุนจากส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินกับน้ำมันดิบจะช่วยสนับสนุนกำไรปกติ 2Q68 ของ SPRC สัดส่วนปริมาณการผลิตน้ำมันเบนซินที่ 26% ยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 18-20% อ้างอิงตลาดสิงคโปร์
การกลับมาเปิดใช้ SPM เพื่อขนถ่ายน้ำมันดิบซึ่งช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งและเพิ่มอัตรากำไรจะส่งผลดีต่อความสามารถในการทำกำไรของ SPRC ตลอดทั้งปี ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ค่าการกลั่นพื้นฐานของ SPRC สูงกว่าค่าการกลั่นตลาดสิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อกำไรสุทธิ คือ ขาดทุนจากสต็อกน้ำมันที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวลดลง
กระทบอย่างไร:
หลังรายงานผลประกอบการ 1Q68 ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ราคาหุ้น SPRC ปรับลง 2.70%DoD สู่ 5.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 0.60%DoD สู่ 1,212.84 จุด
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
InnovestX Research คงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ SPRC โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 6.6 บาทต่อหุ้น อ้างอิง PBV (ปี 2568) ที่ 0.7 เท่า อิงกับระดับ -2SD ของ PBV เฉลี่ย 5 ปี โดยเชื่อว่าสะท้อนความไม่แน่นอนของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันสืบเนื่องมาจากปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อและอุปทานใหม่ทั่วโลก
รวมถึงอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงจากสงครามการค้าโลกไปเรียบร้อยแล้ว ระดับดังกล่าวคิดเป็น EV/EBITDA ได้ที่เพียง 5.1 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ย >9 เท่าของบริษัทที่ประกอบธุรกิจเดียวกันในตลาดภูมิภาค อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 7% ซึ่งอิงกับกระแสเงินสดและฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ก็ดูน่าสนใจ
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปของ SPRC ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อค่าการกลั่นด้วยเช่นกัน ในขณะที่ความผันผวนของราคาน้ำมันอาจส่งผลทำให้มีขาดทุนจากสต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้น ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และโครงสร้างราคาน้ำมันในประเทศ
ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือผลกระทบของธุรกิจต่อสิ่งแวดล้อม และการปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด
SPRC – 1Q68 กำไรสุทธิดีกว่าคาด
https://www.innovestx.co.th/cafeinvest/research/company-analysis/company-update/sprc-update-20250508