เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.ศุภาลัย (SPALI) รายงานกำไรสุทธิ 3Q65 จำนวน 2.74 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 60%YoY และ 32.5%QoQ) สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้อยู่ 6% โดยเกิดจากรายได้อื่น รายได้อยู่ที่ 1.11 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 49%YoY และ 35.8%QoQ) แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากคอนโดมิเนียม 52% และโครงการแนวราบ 48%
โดยที่มีการโอนกรรมสิทธิ์คอนโด 3 โครงการต่อเนื่องจาก 2Q65 คือ ศุภาลัย ไลท์ ท่าพระ-วงเวียนใหญ่, ศุภาลัย ปาร์ค สถานีแยกไฟฉาย และศุภาลัย เวอเรนด้า รามคำแหง อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 39.6% ใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 39.7%
ส่วนแบ่งกำไรจาก JV ในออสเตรเลียออกมาตามคาดที่ 85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 866%YoY และ 3%QoQ โดยจะทำจุดสูงสุดใน 4Q65 อันเป็นผลมาจากการโอนกรรมสิทธิ์ล่าช้า
ส่วนรายได้อื่นอยู่ในระดับสูงที่ 229 ล้านบาท สูงกว่าคาดอยู่ 100 ล้านบาท ทั้งนี้ กำไรสุทธิงวด 9M65 อยู่ที่ 6 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 43.2%YoY)
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (ณ 12.30 น.) ราคาหุ้น SPALI ไม่เปลี่ยนแปลง DoD อยู่ที่ระดับ 21.70 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 0.53%DoD อยู่ระดับ 1,623.90 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2565:
SPALI มี Backlog มูลค่า 2.3 หมื่นล้านบาท โดย 32% จะรับรู้เป็นรายได้ใน 4Q65, 51% ในปี 2566 และ 17% ในปี 2567 แล้ว
InnovestX Research คาดว่า SPALI จะทำยอดขายในปี 2565 ได้ที่ราว 3.1 หมื่นล้านบาท สูงเกินเป้าที่บริษัทวางไว้ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนจากการผ่อนคลายมาตรการ LTV ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2565
โดยคาดการณ์รายได้ปี 2565 ที่ 3.2 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 10%YoY) ทำสถิติสูงสุด โดย Backlog รองรับรายได้ที่คาดการณ์ไว้แล้ว 99% และคาดว่ากำไรสุทธิจะทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 7.7 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 9.7%YoY) ส่วนกำไรสุทธิ 4Q65 จะลดลงเล็กน้อยทั้ง YoY และ QoQ โดยมีสาเหตุมาจากการรับรู้รายได้จาก Backlog น้อยลง ในขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจาก JV ในออสเตรเลียคาดว่าจะทำจุดสูงสุดรายไตรมาส นอกจากนี้ยังเล็งเห็น Upside เล็กน้อยสำหรับกำไรสุทธิปี 2565 โดยได้รับการสนับสนุนจากยอดขายที่แข็งแกร่งก่อนที่การผ่อนคลายมาตรการ LTV จะสิ้นสุดในปีนี้ และส่วนแบ่งกำไรจาก JV ระดับสูง
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนยังคง Tactical Call สำหรับ SPALI ไว้ที่ Outperform อิงกับผลประกอบการปี 2565 ที่แข็งแกร่ง และผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงขึ้น หลังจาก SPALI ลดทุนชำระแล้ว โดยการตัดหุ้นที่ซื้อคืนจำนวน 190 ล้านหุ้น โดยราคาเป้าหมายปี 2566 อยู่ที่ 24.90 บาทต่อหุ้น
ปัจจัยเสี่ยงและความกังวล ปัจจัยที่ต้องจับตา:
- แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและอัตราการปฏิเสธสินเชื่อ
- การบริหารจัดการสินค้าคงเหลือในปี 2566 เมื่อกลับมาใช้มาตรการ LTV ตามปกติ
SPALI ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อ Thailand Sustainability Investment (THSI) หรือ ‘หุ้นยั่งยืน’ ประจำปี 2565 สะท้อนการตระหนักถึงความสำคัญในเรื่อง ESG โดยมีเป้าหมายที่จะลดการใช้ก๊าซเรือนกระจกลง 25% ภายในปี 2567
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 8 หุ้นเนื้อทอง เซียนหุ้น รุมตอม ร่วมลงทุนติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่
- ทองคำ กำลังไหลเข้าเอเชีย ท่ามกลางดอกเบี้ยโลกที่กำลังขึ้นต่อเนื่อง
- เงินบาทอ่อนค่าทะลุ 37 บาทต่อดอลลาร์เป็นที่เรียบร้อย ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 16 ปี