เกิดอะไรขึ้น:
InnovestX Research คาดว่า บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) จะรายงานกำไรสุทธิ 1.3 พันล้านบาท ใน 3Q66 ลดลง 12.8%QoQ เพราะได้รับแรงกดดันจาก: 1) ดัชนีราคา Testliner (ตัวชี้วัดที่สำคัญสำหรับราคาส่งออกกระดาษบรรจุภัณฑ์จากประเทศในอาเซียนไปจีน) ที่ลดลง 5%QoQ 2) ความต้องการบรรจุภัณฑ์ในอินโดนีเซีย (14% ของรายได้ของ SCGP) ที่อ่อนแออย่างต่อเนื่อง เพราะการแข่งขันด้านราคารุนแรง และ 3) การหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ของโรงงานผลิตเยื่อกระดาษเป็นเวลา 2 สัปดาห์ใน 3Q66 ส่งผลทำให้ปริมาณการผลิตเยื่อกระดาษลดลง 20-30% และการบันทึกค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุง 100 ล้านบาท ใน 3Q66
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบดังกล่าวน่าจะได้รับการชดเชยบางส่วนจากธุรกิจในประเทศไทย (42% ของรายได้ของ SCGP) และเวียดนาม (14% ของรายได้ของ SCGP) ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากความต้องการบรรจุภัณฑ์ในประเทศที่สูงขึ้น และต้นทุนที่ลดลง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากต้นทุนถ่านหินที่ลดลง 10%QoQ เนื่องจาก SCGP ได้ล็อกราคาและปริมาณถ่านหินสำหรับ 2H66 ไว้แล้วที่ราคาถ่านหิน (ดัชนี ICI) ระดับต่ำที่ 70-75 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน (เทียบกับ 88 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ใน 2Q66 และ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ใน 1Q66)
รายการที่สำคัญใน 3Q66 รายได้คาดว่าจะอยู่ที่ 3.22 หมื่นล้านบาท ลดลง 4.5%QoQ โดยมีสาเหตุมาจากราคากระดาษบรรจุภัณฑ์ที่ลดลง การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงในอินโดนีเซีย และการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ของโรงงานผลิตเยื่อกระดาษเป็นเวลา 2 สัปดาห์ อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นสู่ 18.3% (เพิ่มขึ้น 10 bps QoQ และ เพิ่มขึ้น 137 bps YoY) จากต้นทุนวัตถุดิบ (เศษกระดาษ) และต้นทุนถ่านหินที่ลดลง
สำหรับพัฒนาการเชิงบวกใน 4Q66 ราคากระดาษบรรจุภัณฑ์ในประเทศจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น 4%MoM ในเดือนกันยายน 2566 นอกจากนี้ จีนยังนำเข้ากระดาษบรรจุภัณฑ์เกือบเท่าระดับก่อนเกิดโควิดแล้วที่ ~750,000 ตันต่อเดือนใน 3Q66 (90-95% ของระดับก่อนเกิดโควิด) ปัจจัยเหล่านี้น่าจะเป็นสัญญาณบวกสำหรับอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์กระดาษโดยรวม
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น SCGP ปรับลง 12.10%DoD อยู่ที่ระดับ 34.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 7.29%DoD อยู่ที่ระดับ 1,434.45 จุด
แนวโน้มผลประกอบการ 2566:
InnovestX Research ปรับประมาณการกำไรปี 2566 ลดลง 20% และปี 2567 ลดลง 5% เพื่อสะท้อนการฟื้นตัวที่ช้ากว่าคาด และแนวโน้มที่จะมีการปรับงบลงทุนสำหรับกิจกรรม M&A ลดลง ดังนั้นจึงปรับประมาณการรายได้ปี 2566 ลดลง 16% ทั้งนี้ ได้ปรับปีฐานที่ใช้ประเมินราคาเป้าหมายเป็นปี 2567 ซึ่งได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 51 บาทต่อหุ้น อ้างอิงระดับ -0.5SD ของ Historical PE Mean
และเชื่อว่าราคาหุ้น SCGP ที่ปรับตัวลดลงมาแล้ว 39.5% YTD น่าจะสะท้อนปัจจัยลบไปมากพอสมควรแล้ว ในขณะที่คาดว่ากำไรน่าจะฟื้นตัวใน 4Q66 นอกจากนี้ ยังเริ่มเห็นการฟื้นตัวของราคาหุ้นผู้ผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ เช่น Nine Dragons Paper, Shandong Paper (ผู้ผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ชั้นนำในจีน) และ Asia Pulp & Paper (ผู้ผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ชั้นนำในอินโดนีเซีย) ดังนั้นจึงคงเรตติ้ง Outperform สำหรับ SCGP
ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือ แรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราค่าระวางผันผวน และเศรษฐกิจจีนชะลอตัว
