เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวานนี้ (12 กรกฎาคม) บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ได้ประกาศเข้าซื้อหุ้น 100% ใน Allnex Holding GMBH มูลค่ารวม 1.326 แสนล้านบาท และเงินกู้ของผู้ถือหุ้นในบริษัทเป้าหมายมูลค่า 1.581 หมื่นล้านบาท รวมมูลค่าลงทุนทั้งสิ้น 1.48 แสนล้านบาท
โดยการเข้าลงทุนครั้งนี้เป็นก้าวใหม่ของ PTTGC ในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกในธุรกิจ Coating Resin ที่ใช้ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง พอร์ตลงทุนที่หลากหลาย และใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การลงทุนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจระยะยาวของ PTTGC ที่มุ่งเน้นเข้าสู่ธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงในตลาดต่างประเทศ เนื่องจาก Allnex ดำเนินงานใน 14 ประเทศ กำลังการผลิตรวม 1.2 ล้านตันต่อปี
ผู้บริหารวางแผนจัดหาแหล่งเงินทุนมาใช้สนับสนุนการทำธุรกรรมครั้งนี้จากเงินสดในมือของบริษัท และเงินกู้ระยะสั้นจาก PTT ด้วยต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้ (7.4 หมื่นล้านบาท)
ทั้งนี้แม้ PTTGC มีเงินสดในมือจำนวนมาก และมีการบริหารเงินทุนหมุนเวียนมากกว่า 1 แสนล้านบาท แต่บริษัทยังต้องกู้ยืมเพิ่มเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับหุ้นกู้ที่จะหมดอายุใน 3Q64 และปี 2565 แม้ว่าจะมีการกู้เงินใหม่ แต่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนจะทำจุดสูงสุดที่เพียง 0.6 เท่า ดังนั้น PTTGC จึงยืนยันว่าบริษัทไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน
กระทบอย่างไร:
เมื่อวานนี้ราคาหุ้น PTTGC ปรับตัวลง 6.41%DoD ปิดที่ระดับ 54.75 บาท เนื่องจากตลาดกังวลต่อการเพิ่มทุนสำหรับการซื้อกิจการดังกล่าวซึ่งมีมูลค่าลงทุนสูง ขณะที่วันนี้ (13 กรกฎาคม เวลา 12.30 น.) ราคาหุ้น PTTGC ฟื้นตัวขึ้น 6.39%DoD สู่ระดับ 58.25 บาท
มุมมองระยะสั้น:
ในระยะสั้นประเด็นนี้เป็นเพียง Sentiment ต่อราคาหุ้น PTTGC เท่านั้น ซึ่งในเชิงปัจจัยพื้นฐานหรือผลประกอบการระยะสั้นยังไม่ได้รับผลกระทบจากดีลนี้
สำหรับแนวโน้มกำไร 2Q64 ของ PTTGC SCBS คาดว่าจะเติบโตทั้ง YoY และเติบโต QoQ โดยได้ปัจจัยสนับสนุนจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งขึ้นใน 2Q64 รวมกับการดำเนินงานของโครงการ Olefins Reconfiguration Project ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญต่อกำไรใน 2Q64 เนื่องจากโครงการนี้จะทำให้กำลังการผลิตของผลิตภัณฑ์ Olefins เพิ่มขึ้น 7.5 แสนตันต่อปี และมีความยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบมากขึ้น รวมถึงสามารถลดการพึ่งพาก๊าซจากอ่าวไทยเป็นวัตถุดิบ
มุมมองระยะยาว:
ในระยะยาว SCBS มองว่า การเข้าลงทุนครั้งนี้จะช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงเข้ามาในพอร์ตของ PTTGC ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ Margin ของบริษัทมีเสถียรภาพในระยะยาว รวมถึงมี Synergy กับธุรกิจปัจจุบันเพิ่มมากขึ้นในแง่ของวัตถุดิบและตลาด นอกจากนี้ EBITDA margin ในระยะยาวของ Allnex ที่ 17% ยังจะช่วยหนุนให้ EBITDA margin โดยรวมของ PTTGC ที่ระดับเพียง 10% (ค่าเฉลี่ย 10 ปี) ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย (ซึ่ง PTTGC คาด EBITDA margin เพิ่มของบริษัทจะขึ้นอีก 1-2%) สินทรัพย์ใหม่จะช่วยหนุนให้ EBITDA ปี 2565 ของ PTTGC ปรับเพิ่มขึ้นได้อีก 30-35% และหนุนประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ปรับเพิ่มขึ้นได้อีก 14-15% หากดีลนี้สำเร็จ