เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 4Q63 ของ บมจ.ปตท. (PTT) ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลประกอบการวันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น PTT ปรับตัวลง 4.62%MoM สู่ระดับ 43.25 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวขึ้น 0.24%MoM สู่ระดับ 1,522.72 จุด (ข้อมูล ณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดกำไรสุทธิ 4Q63 ของ PTT จะทำจุดสูงของปี 2563 ที่ 2.0 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 20%YoY และเพิ่มขึ้น 48%QoQ โดยหลักๆ มาจากส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจากบริษัทร่วมที่ประกอบธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่นน้ำมัน (P&R) ซึ่งเกิดจากกำไรสต๊อกและกำไรพิเศษอื่นๆ นอกจากนี้ SCBS ยังคาดว่ากำไรจากธุรกิจก๊าซจะปรับตัวดีขึ้นจากราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่สูงขึ้น ซึ่งช่วยให้อัตรากำไรของโรงแยกก๊าซปรับตัวดีขึ้น แม้ปริมาณขายก๊าซจะลดลงจากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ปรับตัวลดลง
สำหรับธุรกิจน้ำมันจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณการขาย 4Q63 ที่ปรับตัวสูงขึ้น 4%QoQ แต่ลดลง 12%YoY โดยเฉพาะอุปสงค์น้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศยาน ซึ่งเกิดจากการเปิดสถานีบริการน้ำมันแห่งใหม่เพิ่มขึ้น 29 แห่งใน 4Q63 ขณะที่ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อค่าการตลาด แต่ได้รับการชดเชยจากกำไรสต๊อก
นอกจากนี้การแข็งค่าของเงินบาทใน 4Q63 จะส่งผลให้ PTT มีกำไรพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 1.4 พันล้านบาท ขณะที่กำไร 4Q63 ของธุรกิจต้นน้ำมีแนวโน้มลดลง 78%YoY และ 65%QoQ เนื่องจากราคาก๊าซที่ลดลงและมีผลจากการขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์
มุมมองระยะยาว:
SCBS คาดว่าผลประกอบการปี 2564 ของ PTT จะปรับตัวดีขึ้นจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยได้ปัจจัยบวกจากกลุ่ม OPEC+ ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงหลังจากซาอุดีอาระเบียสมัครใจลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2564 เพื่อปรับสมดุลจากอุปสงค์ที่ลดลงโดยมีสาเหตุมาจากโควิด-19 ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิต (PTTEP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจต้นน้ำ
ในระยะยาว PTT ได้มุ่งเน้นไปที่ธุรกิจก๊าซ ซึ่งมีกระแสเงินสดที่มีเสถียรภาพมากกว่า และอุปสงค์เติบโตอย่างต่อเนื่องจากแผน PDP ฉบับใหม่ที่กำหนดให้โรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่ให้กับประเทศไทยในระยะ 17 ปีข้างหน้า
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล