เกิดอะไรขึ้น:
วันนี้ (1 ตุลาคม) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้พัฒนาโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดเฟส 3 ตามที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เสนอ โดยมีมูลค่าการลงทุนในโครงการนี้ (ช่วง 1) ราว 4.79 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น กรอ. ร่วมลงทุนไม่เกิน 1.29 หมื่นล้านบาท และภาคเอกชนร่วมที่ชนะการประมูลร่วมลงทุนกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (GULF) และบริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด (PTT Tank) ซึ่งถือหุ้น 100% โดย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT)
สำหรับรายละเอียดโครงการนี้ (ช่วง 1) ประกอบด้วย การขุดลอกและถมทะเลเนื้อที่ 1 พันไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ใช้ประโยชน์ 550 ไร่ (ท่าเรือ คลังสินค้า และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติ) และพื้นที่กักเก็บตะกอน 450 ไร่ การขุดลอกร่องน้ำและแอ่งกลับเรือ ท่าเรือบริการ และท่าเรือรองรับก๊าซ ทั้งนี้ภาคเอกชนที่ชนะการประมูลโครงการจะได้สิทธิในการพัฒนาพื้นที่ท่าเรือราว 200 ไร่
สำหรับกระบวนการต่อไปหลังการเซ็นสัญญาระหว่างกลุ่ม PTT-GULF และ กนอ. คือ กนอ. จะส่งมอบพื้นที่ให้กับภาคเอกชนคู่สัญญาเข้าสำรวจ ออกแบบ และเริ่มก่อสร้างในส่วนโครงสร้างพื้นฐาน ในขณะเดียวกัน กนอ. ก็จะดำเนินการขออนุญาตต่อกรมเจ้าท่าเรื่องการใช้สาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานของโครงการฯ ให้ถูกต้องตามกฎหมายขออนุญาตปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำตาม พ.ร.บ. การเดินเรือในน่านน้ำไทย
ส่วนของโครงการฯ ช่วง 2 กนอ. จะดำเนินการออกทีโออาร์เพื่อเชิญชวนภาคเอกชนที่สนใจเข้าร่วมพัฒนาท่าเทียบเรือสินค้าเหลว คาดจะเริ่มก่อสร้างปี 2566 และจะเสร็จสิ้นในปี 2568 ซึ่งใช้เงินลงทุนประมาณ 7.5 พันล้านบาท
กระทบอย่างไร:
ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2562 ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อผลการคัดเลือกเอกชน ผลการเจรจา และร่างสัญญาร่วมทุนโครงการ จนถึงวันนี้ (1 ตุลาคม) ที่ ครม. มีมติเห็นชอบให้ กนอ. เซ็นสัญญาพัฒนาโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดเฟส 3 พบว่า ราคาหุ้น GULF ให้การตอบรับในเชิงบวก โดยวันนี้ราคาหุ้นปรับขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 162 บาท จากราคาปิดเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2562 ที่ 149.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 8.36% ขณะที่ราคาหุ้น PTT ยังไม่ได้ตอบสนองมากนัก โดยราคาทรงตัวอยู่ที่ระดับ 45.75 บาท
มุมมองระยะสั้น:
SCBS มองว่า แม้ระยะสั้นประเด็นข้างต้นจะช่วยสร้าง Sentiment เชิงบวกต่อราคาหุ้น GULF และ PTT แต่ช่วงที่ผ่านมาคาดราคาหุ้น GULF ได้ปรับตัวขึ้นมาสะท้อนประเด็นนี้ไปแล้ว ขณะที่ PTT ยังมีธุรกิจหลักที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมันที่มีความผันผวนสูงอยู่ จึงทำให้ราคาหุ้น PTT ไม่ได้ตอบสนองชัดเจนนัก อีกทั้งโครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาก่อสร้าง จึงทำให้ต้องอาศัยเวลากว่าที่จะเริ่มเห็นผลบวกที่ชัดเจนตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป
มุมมองระยะยาว:
SCBS มองระยะยาวโครงการนี้จะส่งผลดีต่อ PTT และสอดคล้องกับกลยุทธ์บริษัทที่ต้องการกระจายไปในหลากหลายธุรกิจท่ามกลางราคาน้ำมันที่ผันผวน ซึ่งการที่ PTT เข้าลงทุนในโครงการนี้ เนื่องจากมีประสบการณ์ในการบริหารท่าเรือ เช่น ท่าเรือขนส่งสินค้าเหลว ท่าเรือรับ-ส่งก๊าซธรรมชาติ ท่าเรือตู้สินค้า เป็นต้น ซึ่งโครงการนี้จะมีการสร้างคลังก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG Terminal) ที่รองรับปริมาณการขนถ่ายก๊าซฯได้ 10 ล้านตันต่อปี
สอดคล้องกับการมุ่งเน้นสู่การขยายธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และเป็นบวกต่อ GULF ที่มีแผนการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงทางธุรกิจ ซึ่งมาบตาพุดถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเมื่อ EEC สามารถดำเนินการเป็นรูปธรรมมากขึ้น จะส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้า, ก๊าซธรรมชาติและคลังสินค้าปิโตรเคมีเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทั้ง 2 บริษัทในระยะยาว
ข้อมูลพื้นฐาน:
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) ดำเนินธุรกิจปิโตรเลียมครบวงจรทั้งดำเนินงานเองและลงทุนผ่านบริษัทย่อยทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเคมี ธุรกิจขนส่งก๊าซทางท่อ ธุรกิจเคมีภัณฑ์ ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม เป็นต้น
บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด (PTT Tank) ดำเนินธุรกิจให้บริการท่าเรือและถังเก็บผลิตภัณฑ์เหลวให้กับกลุ่ม ปตท.
บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (GULF) ดำเนินธุรกิจหลักผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าชีวมวล) ซึ่งจำหน่ายให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิต และภาคเอกชนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในประเทศ เป็นต้น
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
