เกิดอะไรขึ้น:
InnovestX Research ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 1Q67 ของ บมจ.โอสถสภา (OSP) ซึ่งคาดว่าจะรายงานผลประกอบการวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 โดยคาดการณ์กำไรสุทธิ 1Q67 ของ OSP ที่ 814 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 72.4%YoY และเพิ่มขึ้น 79.7%QoQ) สูงที่สุดในรอบ 9 ไตรมาส โดยได้รับการสนับสนุนจากรายได้ที่เติบโต 11.2%YoY และ 11.5%QoQ สู่ 7.28 พันล้านบาท
ซึ่งเป็นผลมาจาก:
- ส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังในประเทศที่เพิ่มขึ้นจาก 45.9% ใน 4Q66 สู่ 46.4% โดยได้แรงหนุนจากยอดขายที่แข็งแกร่งจาก M-150 Sparkling และลิโพ
- ยอดขายต่างประเทศที่เติบโตสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเมียนมา (แบรนด์ฉลามได้ส่วนแบ่งการตลาดมาจากแบรนด์อื่นๆ) และยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นโดยเฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ 36.3% เพิ่มขึ้นจาก 33.4% ใน 1Q66 และ 35.5% ใน 4Q66 โดยได้รับการสนับสนุนจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลงและประสิทธิภาพที่ดีขึ้นของโรงงานผลิตขวดแก้ว นอกจากนี้อัตราภาษีที่แท้จริงใน 1Q67 คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากยอดขายในเมียนมาได้รับการยกเว้นภาษี
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น OSP ปรับขึ้น 0.50% สู่ระดับ 20.30 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 2.28% สู่ระดับ 1,349.52 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2567:
InnovestX Research พบสัญญาณที่ดีจากส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังของ OSP ที่เพิ่มขึ้นสู่ 46.4% ใน 1Q67 โดยได้รับการสนับสนุนจากผลิตภัณฑ์ แบรนด์ และช่วงราคาที่หลากหลาย ทำให้มีมุมมองเชิงบวกว่าบริษัทจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้ถึงเป้าที่วางไว้ตอนสิ้นปีที่ 47.9%
ดังนั้นจึงคงประมาณการรายได้ปี 2567 ไว้ที่ 2.71 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4.3%) ด้วย Economies of Scale ที่ดีขึ้นและต้นทุนขายที่ลดลงจากต้นทุนหลักๆ เช่น ก๊าซธรรมชาติและอะลูมิเนียม อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยใน 1Q67 จึงปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก เมื่อพิจารณาจากประมาณการที่ 34.8% อาจจะเห็น Upside ของอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2567 ประมาณการกำไรสุทธิปัจจุบันอยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 9.2%) ขณะที่ใน 2Q67 คาดว่าจะเห็นกำไรสุทธิปรับตัวลดลง เพราะได้รับแรงกดดันจากยอดขายในต่างประเทศที่คาดว่าจะอ่อนตัวลง แต่จะเติบโต YoY โดยได้แรงหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่ง
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
ยังคงคำแนะนำ OUTPERFORM โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 28 บาทต่อหุ้น อ้างอิง -0.5 SD P/E ที่ 32 เท่า โดยยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของ OSP ในปี 2567 ด้วยประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนและยอดขายที่ดีขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบหลักๆ เช่น ค่าก๊าซธรรมชาติและค่าไฟฟ้า รวมทั้งความผันผวนของปริมาณการขายในตลาด CLMV, นโยบายการเงิน และการฟื้นตัวของการบริโภค
ประเด็น ESG:
OSP ถูกจัดอยู่ในรายชื่อหุ้น SET ESG Ratings ที่ระดับ ‘AA’ สำหรับปี 2567-2568 OSP ตั้งเป้าลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 30% ภายในปี 2573 และบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593