เกิดอะไรขึ้น:
ข้อมูลจาก Eurocontrol ระบุว่าจำนวนเที่ยวบินในยุโรปเดือนสิงหาคมฟื้นตัวกลับขึ้นมาอยู่ที่ 70% ของระดับก่อนโควิดระบาด โดยหลักๆ ได้รับการสนับสนุนจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของการเดินทางภายในประเทศและภายในยุโรป และสัญญาณที่เห็นได้ชัดคือจำนวนเที่ยวบินในจุดหมายปลายทางที่สำคัญบางแห่ง เช่น อิตาลีและตุรกี ซึ่งปัจจุบันอยู่สูงกว่าระดับโควิดระบาดแล้ว ขณะที่สเปนและฝรั่งเศสอยู่ที่ระดับ 96% และ 94% ของระดับก่อนโควิดระบาด ตามลำดับ
ขณะที่ Ryanair Group ซึ่งเป็นสายการบินใหญ่ที่สุดในยุโรป เมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้โดยสาร ได้รายงาน Load Factor เดือนสิงหาคมที่ 82% เพิ่มขึ้นจาก 80% ในเดือนกรกฎาคม โดยได้รับการสนับสนุนจากจำนวนผู้โดยสารจำนวน 11.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19%MoM และอยู่ที่ 74% ของระดับก่อนโควิดระบาด
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้น MINT ปรับตัวขึ้น 10.9%MoM สู่ระดับ 33.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวขึ้น 6.5%MoM สู่ระดับ 1,628.04 จุด (ข้อมูล ณ วันที่ 15 กันยายน 2564)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดผลประกอบการ 3Q64 ของ MINT จะฟื้นตัวดีขึ้น QoQ โดยมีผลขาดทุนลดลง เนื่องจากการดำเนินงานส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศโดยเฉพาะในยุโรปที่มีแนวโน้มเปิดประเทศได้อย่างรวดเร็ว เพราะอัตราการฉีดวัคซีนโควิดสูง รวมถึงบริษัทมีการควบคุมต้นทุนครอบคลุมในทุกธุรกิจ ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารในประเทศไทยได้บ้าง (~22% ของรายได้ทั้งหมด)
ทั้งนี้ธุรกิจโรงแรมในยุโรปที่ดำเนินงานโดย NH Hotel group, NHH คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง ~65% ของรายได้จากธุรกิจโรงแรม และ ~45% ของรายได้ทั้งหมดของ MINT โดยโรงแรมกว่า 90% ของ NHH เปิดให้บริการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และอัตราการเข้าพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นในฤดูร้อนจาก 40-45% ในเดือนกรกฎาคม 2564 สู่ระดับ ~60% ในเดือนสิงหาคม 2564 (จาก 24% ใน 2Q64) และสูงกว่าจุดคุ้มทุนที่ MINT คาดไว้ที่อัตราการเข้าพัก 40%
มุมมองระยะยาว:
สำหรับปัจจัยที่ต้องจับตาในปี 2564 และ 2565 คือการกลับมาระบาดของโควิดสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งอาจส่งผลทำให้รัฐบาลกลับมาบังคับใช้มาตรการจำกัดการเดินทางอีกครั้ง ซึ่งจะกดดันต่อแนวโน้มผลประกอบการของผู้ประกอบการท่องเที่ยว