เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวานนี้ (13 มกราคม) บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) เปิดเผยว่า บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายรวมปี 2564 ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท โดยจำแนกตามสัดส่วนยอดขายตามประเภทที่อยู่อาศัย ดังนี้ บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 78%, ทาวน์เฮ้าส์ 13% และคอนโดมิเนียม 9%
ขณะที่ยอดโอนกรรมสิทธิ์ปี 2564 ตั้งเป้าไว้ที่ 3 หมื่นล้านบาท และมีแผนเปิดโครงการใหม่ 12 แห่ง มูลค่ารวม 2.06 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 11 โครงการ และต่างจังหวัด 1 โครงการ
สำหรับงบลงทุนปี 2564 บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจัดสรรเป็นการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาจำนวน 6 พันล้านบาท และลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเช่าอีก 5 พันล้านบาท
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (14 มกราคม) ราคาหุ้น LH ปรับตัวลง 0.60%DoD สู่ระดับ 8.25 บาท สอดคล้องกับ SET Index ที่ปรับตัวลง 11.33 จุดหรือลดลง 0.73%DoD สู่ระดับ 1,535.98 จุด
มุมมองระยะสั้น:
SCBS มีมุมมองเป็นกลางต่อแผนธุรกิจปี 2564 ของ LH เนื่องจากบริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตต่ำ และเปิดตัวโครงการใหม่ลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวซึ่งเป็นรายได้หลักที่สำคัญของบริษัท ขณะที่ในปี 2564 บริษัทยังมีสต๊อกคอนโดมิเนียมที่จะต้องขายเหลืออยู่ 10 โครงการ มูลค่า 7.4 พันล้านบาท ซึ่ง SCBS ค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับคอนโดมิเนียมในตลาดระดับบนบางโครงการเพราะมีอัตราการขายต่ำ เช่น โครงการ The Bangkok สุขุมวิท 55 และ The Room สุขุมวิท 38
ทั้งนี้ ในระยะสั้นผลประกอบการของ LH จะได้ปัจจัยสนับสนุนจากกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ใน 4Q63 และมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ เช่น การลดค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์ และการยืดอายุเวลาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างต่ออีก 1 ปี แต่ก็มีปัจจัยกดดันที่ต้องติดตามคือการปฏิเสธสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยซึ่งจะส่งผลให้ Backlog ที่จะโอนปรับตัวลง และเป็น Downside Risk ต่อประมาณการผลประกอบการ
มุมมองระยะยาว:
สำหรับแนวโน้มกำไรปี 2564 ของ LH SCBS ยังคงคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 6.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.7%YoY โดยจะไม่มีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ ขณะที่ Backlog ในมือมีมูลค่า 4.3 พันล้านบาท ซึ่งยังคงน้อยกว่าสิ้นปี 2562 ที่ระดับ 8.1 พันล้านบาท โดยมีสาเหตุมาจากการยกเลิก Backlog คุณภาพต่ำจากคอนโดมิเนียมหลักๆ 2 โครงการ คือ The Key เพชรเกษม และ The Ease พระราม 2 มูลค่า 800 ล้านบาททั้งนี้ บริษัทจะรับรู้ Backlog 58% จากที่มีอยู่ในปัจจุบันเป็นรายได้ในปี 2564 และส่วนที่เหลือจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2565
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์