เกิดอะไรขึ้น:
หลังจากที่ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) (JKN) ได้สร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการคอนเทนต์ของไทย ด้วยการร่วมมือกับช่องข่าวชื่อดังระดับโลกอย่าง CNBC จากสหรัฐอเมริกา ภายใต้แบรนด์ JKN-CNBC ซึ่งผลิตคอนเทนต์รายการข่าวเศรษฐกิจและนำเสนอข่าวสารด้านการเงินการลงทุนของไทยผ่าน 3 รายการคือ Squawk Box, Power Lunch และ Street Sign โดยออกอากาศทางช่อง GMM25 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 พบว่า ผ่านมาได้เพียง 3 เดือน JKN-CNBC ก็ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง
โดยวานนี้ (2 ตุลาคม) มีการประกาศว่า ทั้ง 3 รายการดังกล่าวได้ยุติการออกอากาศตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป โดยผู้บริหารของ GMM และ JKN เปิดเผยถึงสาเหตุว่า เกิดจากฐานผู้ชมของช่อง GMM สนใจรายการบันเทิงและข่าวทั่วไปมากกว่าข่าวการเงินที่นำเสนอค่อนข้างลึกและมีฐานผู้ชมเฉพาะกลุ่ม โดยทาง JKN จะปรับเปลี่ยนมาทำรายการข่าวทั่วไปในชื่อ เจาะข่าวเช้านี้ ให้ทาง GMM แทน (ไม่ใช้ชื่อของ CNBC) เพื่อให้มีเรตติ้งดีขึ้น ส่วน 3 รายการที่ยุตินั้นกำลังเจรจาออกอากาศช่องข่าวอื่นแทน โดยจะเป็นช่องที่มีฐานผู้ชมเหมาะสมกับรายการ และคาดออกอากาศอีกครั้งช่วงต้นปี 2563
กระทบอย่างไร:
วานนี้ (2 ตุลาคม) ราคาหุ้น JKN ปิดที่ 6.70 บาท จากราคาปิดวันก่อนหน้าที่ 7.00 บาท หรือลดลง 4.3%DoD และยังปรับลดลงต่อเนื่องในวันนี้ (3 ตุลาคม) โดยลงไปทำจุดต่ำสุดในช่วงเช้าที่ 6.55 บาท หรือลดลง 2.2%DoD
มุมมองระยะสั้น:
แม้ปัจจุบัน JKN จะมีรายการอื่นที่ผลิตภายใต้แบรนด์ JKN-CNBC ออกอากาศตามปกติคือ Halftime Report (ออกอากาศทางช่อง 5), Around the World (ออกอากาศทางช่อง Amarin34) และ The CNBC Conversation (ออกอากาศทางช่อง TNN16) แต่การยุติการออกอากาศชั่วคราวของ 3 รายการดังกล่าวซึ่งเป็นรายการหลัก
SCBS ประเมินว่า เป็นปัจจัยลบระยะสั้นต่อ JKN เนื่องจากต้องแบกรับต้นทุนจาก JKN-CNBC เดือนละ 4 ล้านบาท ขณะที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือน หรือตลอดช่วงไตรมาสที่ 4 ปีนี้ ระหว่างรอช่องออกอากาศใหม่ ทำให้ไม่มีรายได้ส่วนนี้เกิดขึ้น ซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นและกดดันให้ผลการดำเนินงานปีนี้ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้
มุมมองระยะยาว:
SCBS เชื่อว่าแม้ 3 รายการคือ Squawk Box, Power Lunch และ Street Sign จะสามารถหาช่องที่เหมาะสมและกลับมาออกอากาศได้อีกครั้งในช่วงต้นปีหน้า แต่น่าจะยังต้องใช้เวลาพอสมควรในการสร้างเรตติ้งและความเชื่อมั่นให้แก่สปอนเซอร์ อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด และการแข่งขันที่สูงในธุรกิจทีวีดิจิทัล กดดันให้เม็ดเงินโฆษณาในสื่อโทรทัศน์ยังมีแนวโน้มหดตัวหรือชะลอตัวลง ทำให้ JKN ยังจำเป็นต้องพึ่งพาธุรกิจหลักที่มีความถนัดคือ ธุรกิจจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ ภายใต้ความท้าทายของกระแสผู้ชมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ข้อมูลพื้นฐาน:
บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) (JKN) เป็นผู้จำหน่ายคอนเทนต์ต่างประเทศสำเร็จรูปรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในมือส่วนใหญ่เป็นซีรีส์ในแถบเอเชีย อาทิ อินเดีย, ฟิลิปปินส์, จีน, เกาหลีใต้ ซึ่งมีความต้องการสูงจากสื่อในแทบทุกแพลตฟอร์ม เพราะช่วยเพิ่มฐานผู้ชมได้ดี อีกทั้งประวัติชำระเงินและความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าของลิขสิทธิ์ ทำให้บริษัทได้รับความวางใจทำสัญญารับสิทธิ์แบบผูกขาดและเลือกคอนเทนต์เป็นบริษัทแรก ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ช่วยให้ JKN ได้เปรียบและสามารถกีดกันการเข้ามาแข่งขันจากคู่แข่งรายอื่น
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
