เกิดอะไรขึ้น:
เช้าวันนี้ (25 กันยายน) เวลา 10.00 น. ที่ประชุมผู้ถือหุ้น บมจ. จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) มีมติเห็นชอบการพิจารณาขายสินทรัพย์เส้นใยแก้วนำแสง (Optical Fiber Cables – OFC) ส่วนเพิ่มให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) และเห็นชอบการแก้ไขสัญญาเช่า OFC เดิม ซึ่งเนื้อหาการประชุมประกอบด้วย
1. ขาย OFC ส่วนเพิ่มให้แก่ JASIF ประมาณ 7 แสนคอร์กิโลเมตร มูลค่าราว 3.8 หมื่นล้านบาท
2. เช่า OFC ส่วนเพิ่มที่จะขายแก่ JASIF โดยแบ่งเป็นสัญญาหลักประมาณ 5.6 แสนคอร์กิโลเมตร (80% ของสินทรัพย์ OFC ส่วนเพิ่ม) โดยมีระยะเวลาเช่า 12 ปี 2 เดือน หรือสิ้นสุดวันที่ 29 มกราคม 2575 และสัญญาประกันรายได้ค่าเช่าในส่วนที่ไม่มีผู้เช่าอื่นตกลงเช่าประมาณ 1.4 แสนคอร์กิโลเมตร (20% ของสินทรัพย์ OFC ส่วนเพิ่ม) โดยมีระยะเวลา 3 ปี ซึ่ง JASIF มีสิทธิต่ออายุได้อีกครั้งไม่เกิน 3 ปี แต่ไม่เกิน 29 มกราคม 2575
3. ขยายอายุสัญญาเช่า OFC เดิมที่จะครบกำหนดวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2569 ไปเป็นวันที่ 29 มกราคม 2575 เพื่อให้ตรงกับสัญญาเช่า OFC ส่วนเพิ่ม
4. ให้สิทธิแก่ JASIF ต่ออายุสัญญาเช่าทั้ง OFC เดิมและ OFC ส่วนเพิ่มออกไปอีก 10 ปี หากสัญญาเช่าสิ้นสุดลง
5. จองหน่วยลงทุนของ JASIF ที่จะออกใหม่ตามสัดส่วนถือหน่วยลงทุนใน JASIF โดย JAS อาจจองซื้อหน่วยลงทุนได้เกินกว่าสิทธิที่ได้จัดสรร แต่จะไม่เกิน 33% ของหน่วยลงทุนของ JASIF หลังการเพิ่มทุน โดย JAS ชี้แจงว่าแหล่งเงินทุนในการจองซื้อหน่วยลงทุนอาจมาจากการกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน และจะชำระเงินกู้คืนด้วยเงินที่ขายสินทรัพย์ OFC ส่วนเพิ่มให้แก่ JASIF
กระทบอย่างไร:
วันนี้ราคาหุ้น JAS ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 6.45 บาท จากราคาปิดวันก่อนหน้าที่ 6.25 บาท ก่อนปิดช่วงเช้าที่ 6.35 บาท เพิ่มขึ้น 1.60% DoD ขณะที่ JASIF ราคาหน่วยลงทุนไม่ได้ตอบสนองเชิงบวกมากนัก เนื่องจากเป็นประเด็นที่นักลงทุนรับรู้แล้ว โดยราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 10.80-10.90 ก่อนปิดภาคเช้าที่ 10.90 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาวันก่อนหน้า
มุมมองระยะสั้น:
SCBS ประเมินว่าการขายสินทรัพย์ OFC ให้แก่ JASIF เป็นปัจจัยเชิงบวกระยะสั้นต่อราคาหุ้น JAS เนื่องจากจะรับรู้กำไรพิเศษเข้ามา โดยคาดว่า JAS จะนำเงินสดที่ได้จากการขายทรัพย์สินไปชำระหนี้เงินกู้บางส่วน ซึ่งจะทำให้ภาระต้นทุนทางการเงินลดลง และจะนำเงินบางส่วนไปใช้หมุนเวียนในกิจการและลงทุนเพื่อพัฒนาโครงข่าย
นอกจากนี้น่าจะมีการจ่ายเงินปันผลพิเศษให้กับผู้ถือหุ้น ขณะที่ JASIF ก่อนหน้านี้นักลงทุนกังวลว่าสัญญาเช่าปัจจุบันกับ JAS จะสิ้นสุดในปี 2569 แต่ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเข้าซื้อทรัพย์สินใหม่ ซึ่งเลื่อนมา 2 ปีแล้ว ดังนั้นการซื้อทรัพย์สินใหม่พร้อมทั้งขยายระยะเวลาสัญญาเช่าออกไปจนถึงปี 2575 รวมทั้งมีแนวโน้มที่จะได้รับสิทธิที่จะขยายระยะเวลาสัญญาเช่าออกไปจนถึงปี 2585 ถือเป็นการขจัดแรงกดดันต่อราคาหน่วยลงทุนให้หมดไป
มุมมองระยะยาว:
SCBS มองว่าหลังหมดปัจจัยบวกระยะสั้นในเรื่องกำไรพิเศษแล้ว ในระยะยาว JAS จะมีภาระผูกพันที่ต้องจ่ายค่าเช่าทรัพย์สินจาก JASIF ที่เพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Broadband Internet) ยังคงมีการแข่งขันสูงทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่ต้องปรับให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าที่เน้นคุณภาพ ความเร็ว และความคุ้มค่าเป็นหลัก จึงถือเป็นความท้าทายในระยะยาวของ JAS
ขณะที่ JASIF ประเมินว่าทรัพย์สินใหม่จะหนุนให้ผลประกอบการมีเสถียรภาพและสม่ำเสมอในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจ่ายเงินปันผล
ข้อมูลพื้นฐาน:
บมจ. จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ดำเนินธุรกิจลงทุนผ่านบริษัทในเครือ (Holding Company) โดยมุ่งเน้นที่ธุรกิจการสื่อสารโทรคมนาคมและสารสนเทศ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) เป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่ลงทุนในเส้นใยแก้วนำแสง โดยซื้อจาก บมจ. ทริปเปิลที บรอดแบนด์ (TTTBB) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JAS
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
