เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.จีเอฟพีที (GFPT) เผยปริมาณการส่งออกดีขึ้น ด้วยแรงหนุนจากการเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตของเครื่องจักรใหม่ที่โรงงานแปรรูปปรุงสุก (เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกันยายน 2564) และการพูดคุยกับลูกค้ารายเดิมและรายใหม่ในญี่ปุ่นและยุโรป บริษัทจึงตั้งเป้าปริมาณส่งออกโดยตรงทั้งหมด (ผลิตภัณฑ์ปรุงสุกและสด) ที่ราว 33,000 ตัน ในปี 2565 (เพิ่มขึ้น 40%YoY) โดยใน 1Q65 ปริมาณส่งออกโดยตรงทั้งหมดของบริษัทเพิ่มขึ้นสู่ 7,700 ตัน คิดเป็นอัตราการใช้กำลังการผลิต 80% สำหรับสายการผลิตไก่แปรรูปปรุงสุกทั้งหมด
GFPT คาดว่าปริมาณส่งออกโดยตรงทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นสู่ 8,000-9,000 ตันต่อไตรมาส ใน 2Q65-4Q65 คิดเป็นอัตราการใช้กำลังการผลิต 85-90% สำหรับสายการผลิตไก่แปรรูปปรุงสุกทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มคนงาน
โดยบริษัทร่วม McKey จะเพิ่มกำลังการผลิตไก่แปรรูปปรุงสุกสู่ 90,000 ตันต่อปี (เพิ่มขึ้น 50%) ใน 3Q65 โดยตั้งเป้าเพิ่มการผลิตจนถึงปี 2566 ขณะที่ GFN จะคงกำลังการผลิตไก่แปรรูปปรุงสุกไว้ที่ 30,000 ตันต่อปี แต่จะเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตเพื่อสะท้อนการกลับมาของคนงานหลังจากโควิดผ่านพ้นไปและความต้องการในตลาดส่งออกที่ดีขึ้น
สำหรับความต้องการในตลาดส่งออกแข็งแกร่งขึ้น โดย GFPT ได้รับประโยชน์จากความต้องการในตลาดส่งออกฟื้นตัวดีขึ้นในญี่ปุ่นและยุโรปหลังโควิดผ่านพ้นไป โดยที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อนับถึงปัจจุบัน
ขณะที่การส่งออกไปยังซาอุดีอาระเบีย (อนุญาตให้นำเข้าสัตว์ปีกจากโรงงาน 11 แห่งในประเทศไทยในเดือนมีนาคม 2565) GFPT ยังไม่ได้ส่งออกผลิตภัณฑ์ของบริษัทไป เนื่องจากบริษัทเน้นส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่ปรุงสุกที่มีราคาสูงในตลาดอื่นมากกว่าผลิตภัณฑ์ไก่ดิบที่มีราคาต่ำในซาอุดีอาระเบียในปีนี้
ส่วนการประกาศหยุดส่งออกไก่ชั่วคราวของมาเลเซียตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 จนกว่าราคาและการผลิตไก่ในประเทศจะเกิดเสถียรภาพ ซึ่งสิงคโปร์เป็นหนึ่งในตลาดส่งออกที่สำคัญของมาเลเซีย ปริมาณส่งออกไปสิงคโปร์คิดเป็นสัดส่วน 1% ของการส่งออกทั้งหมดของ GFPT และ 6% ของการส่งออกทั้งหมดของ McKey ใน 1Q65 ดังนั้นการที่มาเลเซียหยุดส่งออกไก่ชั่วคราวจะส่งผลบวกเล็กน้อยต่อ GFPT
ด้านส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับต้นทุนแข็งแกร่งใน 2Q65TD ซึ่ง GFPT คาดว่าราคาส่งออกโดยตรงในรูปดอลลาร์สหรัฐจะปรับขึ้นอีกใน 2Q65 เพื่อสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้น โดยใน 2Q65TD พบว่าราคาไก่มีชีวิตและโครงไก่ในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งราคาข้าวโพดในประเทศและราคากากถั่วเหลืองนำเข้าในตลาด Spot ก็ปรับเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าต้นทุนอาหารสัตว์ในปี 2565 จะสูงกว่าปี 2564 แต่ต้นทุนในช่วงที่เหลือของปี 2565 อาจจะลดลงเล็กน้อยจากการมีผลผลิตเพิ่มขึ้นจากการเก็บเกี่ยวครั้งต่อไป ด้วยต้นทุนอาหารสัตว์สูงในปัจจุบัน GFPT จึงเปลี่ยนมาเก็บสต๊อกวัตถุดิบอาหารสัตว์ไว้ 1-2 เดือนแทน 3-4 เดือน และคาดว่าต้นทุนค่าแรง (12.5% ของต้นทุนการผลิต) จะเพิ่มขึ้นหากมีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น GFPT ปรับตัวขึ้น 21.58%MoM สู่ระดับ 16.90 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวลง 1.66%MoM อยู่ที่ระดับ 1,634.37 จุด
แนวโน้มผลประกอบการในปี 2565:
SCBS คาดว่ากำไร 2Q65 จะเพิ่มขึ้น YoY โดยได้แรงหนุนจากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น เพราะยอดขายส่งออกที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงจะเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตของเครื่องจักรใหม่ และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับต้นทุนที่กว้างขึ้น และจะเพิ่มขึ้น QoQ จากปัจจัยฤดูกาล
อย่างไรก็ดี ราคาไก่เนื้อในประเทศและอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรม ประกอบกับการเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตของสายการผลิตใหม่ จะช่วยสนับสนุนให้ GFPT รายงานกำไรปี 2565 เติบโตดีที่สุดในกลุ่มอาหาร
ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามคือ การเปลี่ยนแปลงของราคาผลิตภัณฑ์และต้นทุนอาหารสัตว์ และการเปลี่ยนแปลงของความต้องการซื้อสืบเนื่องมาจากแรงกดดันเงินเฟ้อ
