เกิดอะไรขึ้น:
ในปี 2566 ทาง EIC ประเมินมูลค่ารวมการจำหน่ายเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในประเทศ ที่ 3.25 แสนล้านบาท เติบโต 12.7%YoY แต่เป็นระดับต่ำกว่าปี 2565 ที่เติบโต 13% อยู่เล็กน้อย และในระยะกลางถึงยาวคาดการเติบโตเฉลี่ยที่ 7.2% ต่อปี โดยเครื่องดื่มจะเน้นที่กลุ่มสุขภาพ น้ำตาลต่ำ โดยกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มกลุ่ม Functional (Sport) คาดเติบโตลดลง กลุ่มน้ำผลไม้ทรงตัว น้ำอัดลมและน้ำดื่มเติบโตได้
InnovestX Research คาดว่ารายได้รวมของทั้ง 4 บริษัทที่ทำการศึกษาอยู่ ได้แก่ OSP, CBG, SNNP และ HTC จะมีแนวโน้มทรงตัวถึงอ่อนตัวเล็กน้อย QoQ จากผลกระทบด้านฤดูกาล อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบ YoY คาดว่าจะเติบโตได้ดีจาก 2 สาเหตุคือ ฐานรายได้ที่ต่ำและการปรับขึ้นราคาขายของหลายผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ หากสุทธิเรื่องราคาที่ปรับขึ้นจะเห็นการเติบโตที่เบาบาง YoY โดยคาดว่าผลประกอบการของ 3Q23 อาจผิดหวังและต่ำกว่าคาด จะนำไปสู่การปรับประมาณการในปี 2566 ลงจากความผันผวนของต้นทุน
ทิศทางผลประกอบการ 4Q66 คาดว่าจะดีขึ้น QoQ จากปัจจัยการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศ และการเติบโตของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศ อัตราการทำกำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจาก Economy of Scale ขณะที่ปัจจัยลบที่ยังกดดันคือ ยอดส่งออกหรือยอดขายในต่างประเทศที่คาดว่าจะอ่อนตัวด้วยทั้งเรื่องฤดูกาลและเศรษฐกิจโลกที่ยังอ่อนแอ ส่งผลให้คาดว่าผลประกอบการของ 4Q66 จะเป็นไตรมาสที่แข็งแกร่ง
สำหรับปี 2567 คาดหวังการฟื้นตัวของรายได้รวมที่ 8.9%YoY โดยมองว่านโยบายกระตุ้นกำลังซื้อผ่านดิจิทัลวอลเล็ตจะส่งผลต่อยอดขายของกลุ่ม รวมไปถึงการปรับค่าแรงขั้นต่ำที่เป็นปัจจัยเพิ่มกำลังการซื้อของกลุ่มรากหญ้า
ส่วนต้นทุนยังคงเป็นปัจจัยหลักต่อผลประกอบการ พิจารณาจากต้นทุนหลักของกลุ่ม มองว่าโดยรวมแล้วแรงกดดันเริ่มลดลงในส่วนของราคาอะลูมิเนียม ก๊าซธรรมชาติ ที่ผ่านจุดสูงสุดของราคาไปในปี 2565 และด้วยนโยบายของรัฐบาลใหม่ คาดว่าจะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าใน 2H66 ต่ำกว่า 1H66
ขณะต้นทุนที่ผันผวนขาขึ้นคือราคาน้ำตาล ที่เกิดจากภัยแล้งซึ่งกระทบต่อผลผลิตที่ลดลง ส่งให้ราคาน้ำตาลในปี 2566 เป็นทิศทางขาขึ้น และคาดว่าจะสูงต่อเนื่องไปถึง 1H67 เป็นอย่างน้อย ส่งให้ราคาน้ำตาลต้นทุนเฉลี่ยของปี 2567 สูงกว่าปี 2566 และค่าแรงขั้นต่ำที่มีผลต่อต้นทุนการผลิตทางอ้อมที่สูงขึ้น
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้น OSP ปรับลง 4.67%WoW, ราคาหุ้น CBG ปรับขึ้น 1.23%WoW, ราคาหุ้น SNNP ปรับลง 2.34%WoW ขณะที่ SET Index ปรับลง 2.51%WoW
กลุยุทธ์และคำแนะนำการลงทุน:
จากราคาหุ้น OSP, HTC และ SNNP ที่ปรับลดลงมาในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนผลประกอบการของช่วง Low Season สำหรับ SNNP และ OSP มีโอกาสเกิด Downside บนประมาณการของปี 2566 ประมาณ 5-7% และคาดว่าจะกลับมาเติบโตในปี 2567 ขณะที่ CBG มีประเด็นบวกรอใน 4Q66 จากธุรกิจเบียร์
InnovestX Research แนะนำ ‘ซื้อ’ หุ้นกลุ่มนี้ หลังจากประกาศผลประกอบการ 3Q66 โดยชอบ HTC และ SNNP จากผลประกอบการปี 2566 ที่คาดจะทำ New High ได้, OSP บนการฟื้นตัวของผลประกอบการและอัตราการทำกำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นในปี 2567 และ CBG แนะนำให้ Trading บนประเด็นธุรกิจใหม่ขณะที่ต้นทุนของธุรกิจยังกดดัน
ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่ฟื้นตัวช้า ที่จะกระทบกับการผลิตและ Economy of Scale ซึ่งจะกดดันอัตราการทำกำไรขั้นต้น รวมไปถึงต้นทุนหลักในกลุ่มของ Commodity ที่อ้างอิงราคาตลาดโลกที่มีความผันผวนและมีโอกาสกระทบต้นทุน