×

EPG – แนวโน้มกำไรระยะสั้นจะชะลอตัวจากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น แต่กำไรทั้งปี FY2565 เติบโตดีจากการดำเนินงานของบริษัทย่อยที่กลับมามีกำไร

02.06.2021
  • LOADING...
หุ้น EPG

เกิดอะไรขึ้น:

เมื่อวานนี้ (1 มิถุนายน) บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) เปิดเผยว่าบริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายปี FY2565 (เมษายน 2564 ถึง มีนาคม 2565) ที่ระดับ 10,700-11,000 ล้านบาท เติบโต 12-15%YoY สูงกว่าก่อนระดับโควิด-19 ระบาด ซึ่งเป็นไปตามการเติบโตของ 3 ธุรกิจหลักคือ 

 

1. ธุรกิจฉนวนยางกันความร้อนและเย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex ซึ่งจะเติบโต 12% โดยโรงงานแห่งใหม่ในสหรัฐฯ จะเริ่มดำเนินงานในเดือนมิถุนายน 2564 เพื่อรองรับออร์เดอร์ใหม่สำหรับสินค้าที่ให้มาร์จิ้นสูง  

 

2. ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ (Aeroklas) จะเติบโต 20-23%YoY ซึ่งธุรกิจนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของบริษัท เช่น พื้นปูรถกระบะ และหลังคารถเน้นจำหน่ายในตลาด After-Market มากกว่า 

 

3. ธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ EPP จะเติบโต 5-8%YoY โดยการอุปโภคบริโภคโดยรวมจะได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกสาม แต่ EPG คาดว่าความต้องการบรรจุภัณฑ์อาหารที่ผลิตจากพลาสติกจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากบริการจัดส่งอาหารที่เติบโต

 

ทั้งนี้ EPG ตั้งเป้าหมายรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 29-32% จากระดับ 31.2% ในปี FY2564 รวมถึงตั้งงบลงทุน 540 ล้านบาท เพื่อลงทุนในส่วน Aeroflex จำนวน 175 ล้านบาท Aeroklas จำนวน 245 ล้านบาท และ EPP จำนวน 120 ล้านบาท เพื่อพัฒนาคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพิ่มเครื่องจักรและการปรับปรุงสายการผลิต นอกจากนี้ยังมีงบสำหรับการควบรวมกิจการและร่วมทุนจำนวน 300 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น 1-2 ดีลภายในปี 2564

 

กระทบอย่างไร:

วันนี้ (2 มิถุนายน) ราคาหุ้น EPG ปรับตัวขึ้น 2.65%DoD สู่ระดับ 11.60 บาท เทียบกับ SET Index ที่ปรับตัวลง 3.10 จุดหรือลดลง 0.19%DoD สู่ระดับ 1,615.49 จุด (ข้อมูล ณ เวลา 12.30 น.)

 

มุมมองระยะสั้น:

SCBS คาดกำไร 1QFY65 ของ EPG จะชะลอตัวลง QoQ (แต่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด YoY จากฐานต่ำ) โดยถูกกดดันจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงในธุรกิจ Aeroflex และ EPP จากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น และค่าใช้จ่าย SG&A ที่สูงขึ้นต่อเนื่องจาก 4QFY64 จากค่าขนส่งที่สูงขึ้นเนื่องจากปัญหาเรื่องข้อจำกัดด้านการส่งขน (ซึ่งอัตรากำไรต้นของ EPG มีความอ่อนไหวค่อนข้างสูงต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาวัตถุดิบ) 

 

โดยราคาวัตถุดิบหลักอย่าง PP, PS, PET และ HDPE ปรับตัวขึ้นราว 20%QoQ สู่ระดับสูงใกล้เคียงกับปี 2561 นอกจากนี้ EPG เผยว่าได้ปรับราคาเพื่อส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นในเดือนเมษายน 2564 สำหรับธุรกิจ EPP และในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2564 สำหรับธุรกิจ Aeroflex ทั้งนี้ SCBS คาดว่า EPG จะไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นทั้งหมดได้ โดยเฉพาะสำหรับ EPP เนื่องจากผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์มีความอ่อนไหวสูงต่อการปรับราคา

 

มุมมองระยะยาว:

SCBS คาดกำไรปกติปี FY2565 ของ EPG จะเติบโต 30%YoY สู่ระดับ 1.5 พันล้านบาท โดยอิงกับรายได้ที่เติบโต 16%YoY และอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย 30.6% ซึ่งลดลง YoY เพื่อสะท้อนราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น โดยปัจจัยขับเคลื่อนหลักของกำไรคือการฟื้นตัวของ TJM (ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจผลิตอุปกรณ์ประดับยนต์ในประเทศออสเตรเลีย) กลับมามีกำไรจากการดำเนินงาน 134 ล้านบาท ดีขึ้นจากขาดทุน 14 ล้านบาทในปี FY2564

 

สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามคือ ทิศทางค่าเงินบาทที่อาจแข็งค่าขึ้น และราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อแนวโน้มกำไรของ EPG

 

ข้อมูลเพิ่มเติม:

โครงการรายได้ของ บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) สามารถจำแนกได้ 3 ธุรกิจหลักดังนี้ 1. ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ (Aeroklas) คิดเป็น 47% ของรายได้ 2. ธุรกิจฉนวนยางกันความร้อนและเย็น (Aeroflex) คิดเป็น 27% ของรายได้ และ 3. ธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม (EPP) คิดเป็น 26% ของรายได้

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X