เกิดอะไรขึ้น:
ใน 1HFY66 (เดือนเมษายน-กันยายน 2565) ผลการดำเนินงานของ บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) ออกมาน่าผิดหวัง เพราะถูกฉุดรั้งโดย TJM (ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ในออสเตรเลียของ EPG) ซึ่งสร้างผลขาดทุนราว 57 ล้านบาท หรือ 10% ของกำไรปกติ โดยมีสาเหตุมาจากต้นทุนการดำเนินงานและต้นทุนพนักงานที่สูงขึ้น สืบเนื่องมาจากการขยายสาขาของ TJM เองเป็นสาขาที่ 5 และการพัฒนาระบบไอที
คาดว่ายอดขายรถ SUV ใหม่ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในออสเตรเลีย พร้อมกับความต้องการอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์เพิ่มมากขึ้น จะช่วยกระตุ้นให้รายได้ของ TJM (ปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้การดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น) ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ความต้องการอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์น่าจะเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปท่ามกลางความกังวลด้านเศรษฐกิจ สำหรับในระยะยาว TJM วางแผนจะขยายการดำเนินงานในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คัด 10 หุ้นราคาต่ำ 10 บาท P/E ต่ำ ปันผลสูง ราคา YTD ยังบวก
- ทองคำ กำลังไหลเข้าเอเชีย ท่ามกลางดอกเบี้ยโลกที่กำลังขึ้นต่อเนื่อง
- เงินบาทอ่อนค่าทะลุ 37 บาทต่อดอลลาร์เป็นที่เรียบร้อย ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 16 ปี
อย่างไรก็ตาม กำไรปกติ 1HQFY66 คิดเป็นสัดส่วน 35% ของประมาณการกำไรปกติที่ InnovestX Research คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงปรับประมาณการกำไรปกติของ EPG ลดลง 16% ในปี FY2566 (เดือนเมษายน 2565 – มีนาคม 2566) และ 10% ในปี FY2567 (เดือนเมษายน 2566 – มีนาคม 2567) โดยคาดว่ากำไรปกติของ EPG จะลดลง 7%YoY สู่ 1.4 พันล้านบาทในปี FY2566 บ่งชี้ว่า กำไรปกติ 2HFY66 จะแข็งแกร่งกว่า 1HFY66 จากนั้นจะเติบโต 17%YoY สู่ 1.7 พันล้านบาทในปี FY2567 โดยอิงกับ
- รายได้รวมที่เติบโต 11% ในปี FY2566 และ 8% ในปี FY2567
- อัตรากำไรขั้นต้นที่ 31.7% ในปี FY2566 และ 31.5% ในปี FY2567
- ผลขาดทุนของ TJM ที่ 117 ล้านบาทในปี FY2566 จากนั้นจะพลิกกลับมามีกำไรที่ 20 ล้านบาทในปี FY2567
นอกจากนี้ยังปรับปีฐานในการประเมินมูลค่าหุ้นเป็นสิ้นปี 2566 (จากสิ้นปี 2565) ซึ่งไม่ได้ทำให้ราคาเป้าหมายที่คำนวณได้จากวิธี DCF ที่ 12.8 บาทต่อหุ้นเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น EPG ปรับลดลง 3.43%MoM อยู่ที่ระดับ 9.85 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 0.24%MoM อยู่ที่ระดับ 1,633.36 จุด
มุมมองระยะสั้นและกลยุทธ์การลงทุน:
InnovestX Research คาดว่ากำไรปกติ 3QFY66 (เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2565) จะปรับตัวดีขึ้น QoQ (แต่ทรงตัว YoY) โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจยานยนต์ (ARK, 49% ของรายได้ 1HFY66) ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์ขาดแคลนชิปที่คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ช่วยให้ส่งมอบรถยนต์ได้มากขึ้น ทำให้ความต้องการอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ของ ARK ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจากบริษัทร่วมที่ประกอบธุรกิจยานยนต์ (17% ของกำไรปกติ 1HFY66) ผลขาดทุนจาก TJM ที่ปรับตัวลดลงเล็กน้อย และรายได้จากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ (EPP, 21% ของรายได้ 1HFY66) ที่ปรับตัวดีขึ้นตามฤดูกาล และอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นเพราะราคาวัตถุดิบหลักลดลง และคาดว่าธุรกิจฉนวน (AFC, 30% ของรายได้ 1HFY66) จะอ่อนแอลง QoQ เพราะปัจจัยฤดูกาลและเงินบาทแข็งค่าขึ้น
ปัจจุบันราคาหุ้น EPG ปรับตัวลดลงมาแล้ว 12%YTD โดยเทรดที่ P/E 17 เท่า (-1SD) อ้างอิง EPS ตามปีปฏิทิน 2566 ทั้งนี้ แม้ว่า Valuation จะต่ำ แต่ InnovestX Research คาดว่า EPG จะเผชิญแรงกดดันระยะสั้นอย่างต่อเนื่องจากการปรับลดประมาณการกำไร ปัจจัยกระตุ้นคือการดำเนินงานของ TJM แข็งแกร่งขึ้น โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี FY2567 และเงินบาทอ่อนค่าลง
โดยยังคงคำแนะนำ Tactical Call ระยะ 3 เดือนสำหรับ EPG ไว้ที่ NEUTRAL (ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 12.8 บาทต่อหุ้น)
ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการผลิตภัณฑ์ของ EPG ต่อเนื่องมาถึงรายได้ของบริษัทและราคาวัตถุดิบหลักเพิ่มขึ้น