เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567 บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA) รายงานกำไรสุทธิ 3Q67 ที่ 5.9 พันล้านบาท สูงกว่า InnovestX Research คาด 6% และสูงกว่าตลาดคาด 5% หลักๆ เกิดจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าคาดเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นสูงที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI กำไรสุทธิ 3Q67 ลดลง 10%QoQ จากผลกระทบขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่เพิ่มขึ้น 8.9%YoY จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่งในเกือบทุกผลิตภัณฑ์
กำไรปกติใน 3Q67 อยู่ที่ 6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3%QoQ และ 18.7%YoY โดยได้แรงหนุนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น 3.5%QoQ (เพิ่มขึ้น 8%QoQ ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ) และ 6.8%YoY (เพิ่มขึ้น 8%YoY ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ) เนื่องจากความต้องการผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งรวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์พาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับ AI กลุ่มผลิตภัณฑ์โครงสร้างพื้นฐาน และกลุ่มผลิตภัณฑ์ Mobility จากความต้องการผลิตภัณฑ์พาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับ EV ที่ฟื้นตัวดีขึ้น
อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ 27.6% ใน 3Q67 จาก 26.9% ใน 2Q67 และ 22.6% ใน 3Q66 หลักๆ ได้แรงหนุนจากยอดขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่มีมาร์จิ้นสูงที่เพิ่มขึ้น จากทั้ง Power System สำหรับ Data Center และผลิตภัณฑ์ DC Power นอกจากนี้ อัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขาย ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 13.7% ใน 3Q67 จาก 12.9% ใน 2Q67 และ 10.1% ใน 3Q66 เนื่องจากยอดขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่พัฒนาโดย Delta Taiwan เพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทต้องจ่ายค่าบริการด้านเทคนิคให้กับ Delta Taiwan เพิ่มขึ้น
สำหรับการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำจากบริษัทข้ามชาติที่จะบังคับให้บริษัทข้ามชาติที่มีรายได้เกิน 770 ล้านยูโรต่อปีต้องเสียภาษีขั้นต่ำ 15% นั้น ปัจจุบันรัฐบาลกำลังอยู่ในช่วงพิจารณาออก พ.ร.บ. ขณะที่ความคืบหน้าล่าสุดอาจจะเปลี่ยนเป็นการออก พ.ร.ก. ซึ่งมีความง่ายในการออกมากกว่า หากเกิดขึ้นเร็วอาจจะเริ่มปีหน้า ซึ่งจะทำให้ DELTA ต้องเสียภาษีขึ้นมาเป็น 15% จากปัจจุบันที่มี Effective Tax Rate อยู่ที่เพียง 2.4%
อย่างไรก็ดี BOI อาจจะออกมาตรการช่วยเหลือลดผลกระทบ ซึ่งยังไม่มีรายละเอียดออกมา ปัจจุบันใช้สมมติฐาน Effective Tax Rate ที่ 3% สำหรับปี 2568 ถ้ามาตรการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำจากบริษัทข้ามชาติมีผลบังคับใช้ InnovestX Research คาดว่าประมาณการกำไรปกติปี 2568 จะปรับลดลง 12.4% จากที่คาดการณ์ไว้ในปัจจุบัน
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้น DELTA ปรับลง 3.04% อยู่ที่ 127.50 บาทต่อหุ้น ขณะที่ SET Index ปรับลง 0.95% อยู่ที่ 1,456.32 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2567:
DELTA ปรับเป้าการเติบโตของยอดขายปี 2567 จาก 10-20% เป็น 10-15% (InnovestX Research คาดการณ์ที่ 14%) โดย DELTA ยังคงคาดว่าผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI จะเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก โดยได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้ Generative AI และ Co-location Service ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ Dc Power System ที่ช่วยสนับสนุนความต้องการ GPU Data Center
ทั้งนี้ สัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ต่อรายได้รวมยังคงเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับสูง โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Power System ระดับ Rack ที่พัฒนาโดย Delta Thailand เอง รวมถึง Liquid Cooling System จะมีเข้ามาบ้างใน 4Q67 แต่น่าจะเห็นชัดเจนมากขึ้นในปี 2568
ในขณะที่ Mobility EV Power อาจจะเติบโตต่ำกว่าคาด จึงปรับลดมุมมองการเติบโตลงสู่ระดับที่เติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียวในปี 2567 (จากเดิม +/-20%YoY, vs. 9M67 ที่เพิ่มขึ้น 7.4%YoY) โดยปัจจุบันเห็นภาพคำสั่งซื้อแค่ 3-6 เดือนเท่านั้น
สำหรับเป้าอัตรากำไรขั้นต้น ทาง DELTA ขยับขึ้นจาก 23-24% มาเป็น 24-25% ในปี 2567 เทียบกับประมาณการที่ 24.2% ค่าใช้จ่าย SG&A มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก Royalty Fee ที่จ่ายให้กับ Delta Taiwan แต่บริษัทพยายามจะควบคุมให้ไม่เกิน 13% ทั้งนี้ กำไรปกติ 9M67 คิดเป็น 73% ของประมาณการกำไรเต็มปี โดยยังคงประมาณการกำไรปี 2567-2568 ไว้
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ InnovestX Research ยังคงคำแนะนำ Neutral สำหรับ DELTA โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 109 บาทต่อหุ้น อ้างอิง +0.5SD ของ P/E เฉลี่ย 5 ปี
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อ อุตสาหกรรมยานยนต์ที่อ่อนแอกว่าคาด และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ปัจจัย ESG ที่สำคัญ คือ การจัดการแรงงาน และซัพพลายเออร์
อ่านบทวิเคราะห์ InnovestX Research: DELTA – 3Q67 กำไรปกติที่แข็งแกร่งได้แรงหนุนจากสินค้าเกี่ยวกับ AI:
https://www.innovestx.co.th/cafeinvest/research/company-analysis/company-update/delta-update-241029