เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) เปิดเผยเป้าหมายธุรกิจในปี 2565 โดยตั้งเป้ารายได้รวมจะเติบโตกว่า 20%YoY แบ่งเป็น 1. รายได้ธุรกิจค้าปลีก ตั้งเป้าเติบโต 15-20%YoY อันเป็นผลมาจากยอดขายสาขาเดิม (SSS) ฟื้นตัว และการขยายสาขาเชิงรุกมากขึ้น และ 2. รายได้จากการให้เช่าและบริการ ตั้งเป้าเติบโตมากกว่า 20%YoY ด้วยอัตราการเช่าที่ดีขึ้น การให้ส่วนลดค่าเช่าลดลง และศูนย์การค้าใหม่ 4 แห่ง
เมื่อจำแนกตามกลุ่มธุรกิจ CRC ตั้งเป้ายอดขายในธุรกิจแฟชั่นเติบโต 30-35%YoY ธุรกิจฮาร์ดไลน์เติบโต 15-20%YoY และธุรกิจฟู้ดเติบโต 5-10%YoY ขณะที่จำแนกตามประเทศ บริษัทตั้งเป้ายอดขายในประเทศไทยและเวียดนามเติบโต 15-20%YoY อิตาลีเติบโต 10-15%YoY
และตั้งเป้าสัดส่วนยอดขายผ่านแพลตฟอร์ม Omnichannel ต่อยอดขายรวมที่ 25% (จาก 20% ในปี 2564 10% ในปี 2563 และ 3% ในปี 2562)
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจค้าปลีก ตั้งเป้าขยายตัว 100-120bps YoY จากการมียอดขายสินค้าที่ให้มาร์จิ้นสูงเพิ่มมากขึ้นอันเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและไม่มีการล็อกดาวน์ และการมียอดขายสินค้า Private Brand ที่ให้มาร์จิ้นสูงเพิ่มมากขึ้น
เมื่อจำแนกตามกลุ่มธุรกิจ อัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจแฟชั่นมีแนวโน้มที่จะขยายตัว 100-150bps YoY และธุรกิจฮาร์ดไลน์มีแนวโน้มที่จะขยายตัว 20-40bps YoY ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจฟู้ดจะอยู่ในระดับทรงตัว YoY
ในขณะที่ค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขาย คาดว่าจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว YoY เนื่องจากค่าใช้จ่ายจากการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นจะถูกชดเชยด้วยค่าใช้จ่ายพนักงาน (ผลิตภาพมากขึ้น) ค่าสาธารณูปโภค (ติดตั้งโซลาร์เซลล์มากขึ้น) ค่าใช้จ่ายการตลาดและสินค้าล้าสมัย (ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น) ที่ลดลง
โดยงบลงทุน บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 1.8-2.0 หมื่นล้านบาท 40% สำหรับการขยายสาขา 35% สำหรับการปรับปรุงสาขา 15% สำหรับธุรกิจใหม่ และ 10% สำหรับการลงทุนด้านออนไลน์และไอที
ด้านการเร่งขยายสาขา ในประเทศไทยมีแผนเปิดร้านไทวัสดุเพิ่มอีก 10 สาขา และวางแผนขยายสาขาเฉลี่ย 10 สาขาต่อปี ในระยะ 5 ปีข้างหน้า ให้ครอบคลุมทุกจังหวัด เพื่อสะท้อนการเติบโตของธุรกิจปรับปรุงบ้านในประเทศไทยที่ CAGR 8-9% ในปี 2565-2569
นอกจากนี้บริษัทยังวางแผนเปิด โรบินสัน ไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์เพิ่มอีก 3 สาขา ห้างสรรพสินค้าโรบินสันเพิ่มอีก 3 สาขา และท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ตเพิ่มอีก 15 สาขา ทั้งนี้หลังจากเปิดตัวในปี 2564 CRC วางแผนเร่งขยายสาขาร้าน go! WOW (จำหน่ายสินค้า D.I.Y.) เพิ่มอีก 60 สาขา และร้าน go! Power (จำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายแบรนด์ในราคาที่จับต้องได้ในต่างจังหวัด) เพิ่มอีก 30 สาขา โดยใช้ Operational Leverage จากร้านไทวัสดุ และ Power Buy
ทั้งนี้ ในปี 2565 จะเปิดตัวร้านค้ารูปแบบใหม่ในธุรกิจสุขภาพและความงาม คือ Tops Vita และ Tops Care (จำหน่ายยา วิตามิน และอาหารเสริมผ่านหน้าร้านและช่องทางออนไลน์) โดยตั้งเป้าเปิดร้านใหม่ 30 สาขาในปี 2565 ส่วนในเวียดนามจะเร่งเปิดสาขาใหม่อีก 13 สาขา โดยจะเปิด Go! Mall & Go! Hypermarket 1 สาขา และซูเปอร์มาร์เก็ต 12 สาขา
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้น CRC ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.68%MoM สู่ระดับ 38.25 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.74%MoM สู่ระดับ 1,686.61 จุด
มุมมองระยะสั้น:
SCBS มองผลประกอบการ CRC ด้วยกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและฐานต่ำของปีก่อน ยอดขายสาขาเดิม (SSS) ใน 1Q65TD จึงน่าจะเติบโตดีขึ้น โดยเติบโตในทุกธุรกิจมากกว่า 20%YoY ในธุรกิจแฟชั่น 10%YoY ในธุรกิจฮาร์ดไลน์ และเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับต่ำถึงกลาง YoY ในธุรกิจฟู้ด และในทุกประเทศมากกว่า 20%YoY ในอิตาลี เพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลักในระดับ Low Teen YoY ในประเทศไทย และ 10%YoY ในเวียดนาม
โดยคาดว่ากำไร 1Q65 จะเพิ่มขึ้น YoY อันเป็นผลมาจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล
มุมมองระยะยาว:
SCBS คาดว่าในปี 2565 กำไรปกติจะเติบโตขึ้นดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ และได้ทำการปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น 6% เพื่อสะท้อนการขยายสาขาเชิงรุกมากขึ้น โดยคาดการณ์กำไรปกติที่ 5,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 190 ล้านบาท ในปี 2564 โดยได้รับการสนับสนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ฟื้นตัว อย่างไรก็ตามปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่ต้องติดตาม คือสถานการณ์โควิดที่แย่ลง ซึ่งจะส่งผลทำให้ต้องกลับมาใช้ข้อจำกัดเพื่อควบคุมการระบาดอีกครั้ง