เกิดอะไรขึ้น:
InnovestX Research ประเมิน บมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า (CPAXT) ว่ายอดขายสาขา (SSS) ในธุรกิจ B2B และ B2C ของ CPAXT เติบโตเฉลี่ย 3%YoY ใน 4Q67TD เร่งตัวขึ้นจากที่เติบโต 1.5%YoY ในธุรกิจ B2B และ 2.3%YoY ในธุรกิจ B2C ใน 3Q67 จากการปรับโครงสร้างธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มยอดขายสินค้าอาหารสดและ Omni-Channel ทั้งในธุรกิจ B2B และ B2C
รวมถึงบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่ดีขึ้น และการได้รับผลบวกเล็กน้อยจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับมาตรการแจกเงิน 10,000 บาทให้แก่กลุ่มเปราะบางจำนวน 14.5 ล้านคนของรัฐบาล ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 25-30 กันยายนนั้น ประเมินว่าส่งผลบวกเล็กน้อยต่อ SSS Growth YoY ใน 4Q67 (สัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม) คล้ายกับ 3Q67 (สัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายน)
การขยายและการปรับปรุงร้าน/มอลล์ใน 4Q67 CPAXT วางแผนเปิดร้าน B2B ใหม่จำนวน 3 สาขา (2 สาขาในประเทศไทย และ 1 สาขาในต่างประเทศ) และร้าน B2C ใหม่จำนวน 69 สาขาในประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย (ไฮเปอร์มาร์เก็ต 1 สาขา ซูเปอร์มาร์เก็ต 3 สาขา และร้าน Lotus’s go fresh 65 สาขา)
สำหรับประเทศมาเลเซีย บริษัทยังคงแผนที่จะปรับปรุงร้าน B2C ในบางพื้นที่ จากปัจจุบันที่มุ่งเน้นตลาดมวลชนที่มีรายได้ปานกลางมาเน้นตลาดระดับล่างและระดับบนมากขึ้น เพื่อให้มียอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับที่ทำใน 9M67 สำหรับแผนปรับโฉมมอลล์ CPAXT ตั้งเป้าที่จะเพิ่มพื้นที่ให้เช่าสุทธิอีก 210,000 ตร.ม. ให้ถึง 1 ล้าน ตร.ม. ภายในปี 2571 (เพิ่มขึ้น 25% จากปี 2566) ผ่านทางการขยายและปรับปรุงมอลล์
EBIT Margin ของ CPAXT มีแนวโน้มกว้างขึ้น YoY จาก 1. การมีสัดส่วนยอดขายสินค้ามาร์จิ้นสูง เช่น สินค้าอาหารสด และสินค้า House Brand ทั้งในธุรกิจ B2B และ B2C เพิ่มมากขึ้น 2. การควบคุมอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขาย
โดยมีค่าใช้จ่ายลดลงจากการปิดร้านขนาดเล็กในธุรกิจ B2C ที่ไม่สามารถทำกำไรได้ไปก่อนหน้านี้ และค่าใช้จ่าย Omni-Channel ที่เพิ่มขึ้นช้ากว่ายอดขายในธุรกิจ B2B ใน 4Q67 รวมถึงการสิ้นสุดการมีต้นทุนศูนย์กระจายสินค้าในธุรกิจ B2B สูง หลังจากเปลี่ยนมาใช้ศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่แล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2568
หลังจากรวมธุรกิจ B2B และ B2C ผ่านการควบรวมแล้วจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่ในเดือนกันยายน CPAXT คาดว่าจะเริ่มเห็น Business Synergy บางส่วนจากการประหยัดค่าใช้จ่ายพนักงานได้ใน 4Q67 ตามด้วย Synergy ด้านการค้า (เช่น การกำหนดราคาขายสินค้าข้ามกันระหว่างสองธุรกิจให้มีความเหมาะสม และการจัดซื้อสินค้าร่วมกันโดยเปลี่ยนแหล่งการจัดซื้อเป็น Direct Sourcing) ภายใน 3-9 เดือนข้างหน้า และ Synergy ที่ไม่เกี่ยวกับการค้า (เช่น การประหยัดค่าใช้จ่าย Back Office ในระบบ IT, ซัพพลายเชนผ่านศูนย์กระจายสินค้าและการจัดการระบบการจัดส่งสินค้า แม่บ้าน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย) ภายใน 12-18 เดือนข้างหน้า
CPAXT ตั้งเป้า Synergy จากการควบรวมไว้ที่ 5 พันล้านบาทใน 4Q67 ถึงปี 2570: 2.5 พันล้านบาท (50%) จะเกิดจากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น และ 2.5 พันล้านบาทจากการลดรายจ่ายลงทุน ทั้งนี้ ได้รวมเอา P&L Business Synergy หลังควบรวมที่ 1.7 พันล้านบาทใน 4Q67 – ปี 2570 เข้ามาไว้ในประมาณการตามหลักความระมัดระวังแล้ว (ต่ำกว่าเป้าของบริษัท) ซึ่งหมายถึงการรวมเอากำไรปกติที่เติบโตเฉลี่ย 3-4% ต่อปีเข้ามาไว้ในประมาณการปี 2568-2570 แล้ว
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาหุ้น CPAXT ปรับลง 2.17% สู่ 33.75 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 2.34% สู่ 1,428.28 จุด
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
ปัจจุบันหุ้น CPAXT ซื้อขายที่ P/E ปี 2568 ระดับ 28 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นในกลุ่มเดียวกันที่ 23 เท่า สะท้อนถึงการที่ CPAXT จะมีกำไรปี 2568 เติบโตดีที่สุดในกลุ่ม (เพิ่มขึ้น 19%YoY เทียบกับกลุ่มเติบโตเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 15%YoY)
InnovestX Research ยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ CPAXT โดยให้ราคาเป้าหมายกลางปี 2568 อ้างอิงวิธี DCF (WACC 7.1% และการเติบโตระยะยาวที่ 2.5%) ที่ 41 บาทต่อหุ้น
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลและกำลังซื้อ ความเสี่ยง ESG ที่สำคัญคือการบริหารจัดการพลังงานและของเสีย ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน (E) และการบริหารจัดการคุณภาพผลิตภัณฑ์ แนวปฏิบัติด้านแรงงาน และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (S)
Cafe Invest แหล่งรวมข้อมูลการลงทุนและบทวิเคราะห์คุณภาพโดย InnovestX 🚀 คลิกเลย 👉 CPAXT – มีปัจจัยหนุนจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นและ Synergy:
https://www.innovestx.co.th/cafeinvest/research/company-analysis/company-update/cpaxt-20241127