เกิดอะไรขึ้น:
CPAXT มีแนวโน้มที่จะเป็นหนึ่งในผู้ได้รับประโยชน์รายหลักของกลุ่มพาณิชย์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังจะออกมาคือ ดิจิทัลวอลเล็ตและโครงการผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งนี้ ด้วย SSS ที่เติบโตแข็งแกร่งกว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ ในกลุ่มพาณิชย์ใน 3Q67TD
ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลใหม่กำลังจะออกมา: รายงานข่าวระบุว่า รัฐบาลใหม่กำลังพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ โดยในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการแจกเงิน 10,000 บาทให้กับคนไทย 50 ล้านคน วงเงินรวม 4.5 แสนล้านบาท ภายใต้โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งคาดว่าจะเดินหน้าต่อ
รัฐบาลใหม่กำลังพิจารณามาตรการใหม่เร่งด่วนคือ การแจกเงินสด 10,000 บาทให้แก่กลุ่มเปราะบางภายใต้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วงเงินรวม 1.45 แสนล้านบาท ก่อน (น่าจะมีผลบังคับใช้ในเดือนกันยายน) อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดและกรอบเวลาของมาตรการใหม่ เนื่องจากต้องรอการอนุมัติก่อน
- โครงการดิจิทัลวอลเล็ต: อ้างอิงรายละเอียดจากนโยบายของรัฐบาลชุดก่อน ซึ่งการใช้จ่ายรอบแรกเป็นการใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้าปลีกขนาดเล็ก รวมถึงร้านสะดวกซื้อสมัยใหม่ และการใช้จ่ายรอบที่สองเป็นการใช้จ่ายระหว่างร้านค้ากับร้านค้า InnovestX คาดว่า CPAXT จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากยอดขาย (ยอดขาย 24% ในงบการเงินรวม) ที่มาจากกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าปลีกและร้านค้าส่งอาหารในธุรกิจ B2B และร้านค้าขนาดเล็กในธุรกิจ B2C
- โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ: CPAXT จะได้รับประโยชน์โดยตรงผ่านทางยอดขาย 24% ของบริษัท หากเงื่อนไขการใช้จ่ายเหมือนกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต หรือยอดขาย 14% หากมีเงื่อนไขให้ใช้จ่ายได้เฉพาะที่ร้านค้าแบบดั้งเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนยอดขายที่มาจากผู้ประกอบการค้าปลีกและค้าส่งอาหารในธุรกิจ B2B นอกจากนี้ CPAXT จะได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากกำลังซื้อที่ดีขึ้นต่อการบริโภคโดยรวมของประเทศไทยด้วย InnovestX ยังไม่ได้รวม Upside ของยอดขายเข้ามาในประมาณการ
คาดกำไร 2H67 แข็งแกร่ง: ใน 3Q67TD InnovestX ประเมินว่า SSS ของ CPAXT จะเติบโตโดดเด่นกว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ ในกลุ่มพาณิชย์: +2%YoY ในธุรกิจ B2B ในประเทศไทย, +2-5%YoY และ +5-7%YoY ในธุรกิจ B2C ในประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย InnovestX คาดว่ากำไร 3Q67 จะเติบโต YoY จากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น โดยมีสัดส่วนยอดขายสินค้ากลุ่มอาหารสดที่มีมาร์จิ้นสูงเพิ่มมากขึ้น และการควบคุมอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A / ยอดขาย (ค่าสาธารณูปโภคและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงจากการปิดร้านขนาดเล็กในธุรกิจ B2C ที่ไม่สามารถทำกำไรได้ไปก่อนหน้านี้) แต่จะอยู่ในระดับทรงตัว / ลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ในขณะที่กำไร 4Q67 มีแนวโน้มที่จะทำจุดสูงสุดของปีนี้ โดยจะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ
Synergy จากการปรับโครงสร้างธุรกิจ: การปรับโครงสร้างธุรกิจของ CPAXT มีความคืบหน้าตามเป้า ทั้งนี้ หลังจากปรับโครงสร้างธุรกิจเสร็จในช่วงต้น 4Q67 CPAXT ตั้งเป้า Synergy จากธุรกิจ B2B และธุรกิจ B2C ภายใต้บริษัทใหม่ที่ 5 พันล้านบาท ใน 4Q67 ถึงปี 2570 โดย 50% จะเกิดจากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น และส่วนที่เหลือจะมาจากการลดรายจ่ายลงทุนลงได้ CPAXT คาดว่าจะเริ่มเห็น Synergy ใน 4Q67 จากการประหยัดค่าใช้จ่ายใน Back Office เช่น ค่าใช้จ่ายระบบและประกัน และจะมี Synergy ที่ชัดเจนขึ้นในช่วงกลางปี 2568 จากการจัดซื้อร่วมกัน และการนำสินค้ามาบรรจุแพ็กเกจขนาดเล็กและขนาดใหญ่เพื่อขายในธุรกิจ B2B และธุรกิจ B2C ทั้งนี้ InnovestX ได้รวม P&L Business Synergy หลังควบรวมกิจการที่ 1.7 พันล้านบาท ใน 4Q67 – ปี 2570 เข้ามาไว้ในประมาณการแล้ว (ต่ำกว่าเป้าของบริษัทที่ 2.5 พันล้านบาท)
แนวโน้มผลประกอบการ: InnovestX คาดว่ากำไร 3Q67 ของ CPAXT จะเติบโต YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น ต่อจากนั้นกำไรจะทำจุดสูงสุดของปีนี้ใน 4Q67 (เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ) ด้วยการปรับโครงสร้างธุรกิจที่คืบหน้าตามเป้า Synergy ซึ่งจะเริ่มเห็นใน 4Q67 และจะชัดเจนมากขึ้นในช่วงกลางปี 2568 จะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นในระยะกลาง InnovestX ยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ CPAXT โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 อ้างอิงวิธี DCF (WACC 7.0% และการเติบโตระยะยาวที่ 2.5%) ที่ 39 บาทต่อหุ้น
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อและนโยบายของรัฐบาล และการแข่งขันในตลาด ความเสี่ยง ESG ที่สำคัญคือ การบริหารจัดการพลังงาน ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน (E) และแนวปฏิบัติด้านแรงงาน / การจ้างงาน (S)