×

ผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์โดยรวมดีเกินคาด จากการตั้งสำรองที่ต่ำกว่าคาด และ Non-NII ที่สูงกว่าคาด

26.10.2021
  • LOADING...
ธนาคารพาณิชย์

เกิดอะไรขึ้น:

SCBS ได้รวมรวบข้อมูลผลประกอบการ 3Q64 ของกลุ่มธนาคาร โดยรวมพบว่าผลประกอบการมีทิศทางทรงตัว QoQ และเพิ่มขึ้น YoY ดีลส่วนใหญ่ดีกว่าที่ SCBS คาด โดยมีสาเหตุหลักๆ มาจากการตั้งสำรองที่ต่ำกว่าคาด และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) สูงกว่าคาดแม้ลดลง QoQ เพราะรายได้ค่าธรรมเนียมลดลง โดยกลุ่มธนาคารยังคงรักษาระดับการตั้งสำรองไว้ในระดับสูงเพื่อเพิ่ม LLR Coverage ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวแย่ลง โดย SCBS ได้สรุปผลประกอบการ 3Q64 แต่ละธนาคารดังนี้

 

บมจ.ธนาคารกรุงเทพ (BBL) รายงานกำไร 3Q64 ที่ 6,909 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72%YoY และ 9%QoQ ดีกว่าที่คาด โดยรายได้ค่าธรรมเนียมและกำไรจากเครื่องมือทางเงินมากกว่าคาด แต่ถูกลดทอนบางส่วนจากการตั้งสำรองที่มากกว่าคาด

 

บมจ.ธนาคารกรุงไทย (KTB) รายงานกำไร 3Q64 ที่ 5,055 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65%YoY แต่ลดลง 16%QoQ ใกล้เคียงกับที่คาด โดย NPL และการตั้งสำรองทรงตัว แต่ LLR Coverage เพิ่มขึ้น ขณะที่สินเชื่อเติบโตอย่างแข็งแกร่ง 12.2%YoY และ 3.0%QoQ ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ทรงตัว Non-NII ชะลอตัวลง และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้สูงขึ้น

 

บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) รายงานกำไรสุทธิ 3Q64 ที่ 8,818 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90%YoY และทรงตัว QoQ ดีกว่าที่คาด โดยการตั้งสำรองทรงตัว การเติบโตของสินเชื่อชะลอตัวลง NIM ลดลง และ Non-NII เพิ่มขึ้นจากการขาย NPL

 

บมจ.ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) รายงานกำไรสุทธิ 3Q64 ที่ 8,631 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29%YoY แต่ลดลง 3%QoQ ใกล้เคียงกับที่คาด โดยคุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวแย่ลงในระดับที่สามารถจัดการได้ สินเชื่อเติบโตโดดเด่น 13.3%YoY และ 2.5%QoQ NIM ทรงตัว และ Non-NII ลดลง

 

บมจ.ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) รายงานกำไรสุทธิ 3Q64 ที่ 2,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46%YoY แต่ลดลง 7%QoQ ดีกว่าที่คาด ซึ่งเกิดจาก Credit Cost ที่ต่ำกว่าคาด แม้จะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย สินเชื่อ Non-NII และ NIM ทรงตัว ขณะที่อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ลดลง

 

บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) รายงานกำไรสุทธิ 3Q64 ที่ 1,560 ล้านบาท ลดลง 3%YoY และลดลง 6%QoQ แต่ดีกว่าที่คาด โดย Credit Cost ลดลงต่ำกว่าที่คาด และ NIM ดีขึ้น ขณะที่สินเชื่อและ Non-NII หดตัวลง และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้สูงขึ้น

 

บมจ.ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) รายงานกำไรสุทธิ 3Q64 ที่ 1,478 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%YoY และเพิ่มขึ้น 9%QoQ ดีกว่าที่คาด โดยสินเชื่อเติบโตอย่างแข็งแกร่ง 12.9%YoY และ 2.0%QoQ แม้การตั้งสำรองจะสูงขึ้นและ NIM ลดลง

 

กระทบอย่างไร:

ในรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร (SETBANK) ปรับตัวขึ้น 0.8%WoW โดยราคาหุ้น BBL ปรับตัวขึ้น 4.2%WoW, TTB ปรับตัวขึ้น 2.7%WoW, KKP ปรับตัวขึ้น 1.7%WoW, KTB ปรับตัวขึ้น 0.9%WoW, SCB ปรับตัวขึ้น 0.4%WoW, KBANK ปรับตัวลง 1.1%WoW และ TISCO ปรับตัวลง 1.1%WoW

 

มุมมองระยะสั้น:

ด้านแนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q64 ของกลุ่มธนาคาร SCBS คาดว่าจะลดลง QoQ โดย OPEX เพิ่มขึ้น QoQ ตามฤดูกาล และกำไรจากเครื่องมือทางการเงินลดลง QoQ แต่กำไร 4Q64 จะเพิ่มขึ้น YoY จากรายได้สูงขึ้น YoY การตั้งสำรองลดลง YoY และ OPEX ลดลง YoY 

 

มุมมองระยะยาว:

หากตัดกำไรจากการขายหุ้น TIDLOR ของ BAY ออกไป SCBS คาดว่ากำไรของกลุ่มธนาคารจะเติบโต 17% ในปี 2565 เทียบกับเติบโต 21% ในปี 2564 โดยได้รับการสนับสนุนจาก Credit Cost ที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง สินเชื่อที่เติบโต 5%YoY Non-NII ที่เติบโตเล็กน้อย และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลง ขณะที่ NIM จะลดลงเล็กน้อยจากการปรับโครงสร้างหนี้แบบเบ็ดเสร็จในระยะยาว 

 

นอกจากนี้ประมาณการกำไรปี 2565 ยังมี Upside จากแรงกดดันด้าน Credit Cost ที่ลดลง จากการผ่อนผันการจัดชั้นหนี้และการกันเงินสำรองสำหรับลูกหนี้สินเชื่อที่เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้แบบเบ็ดเสร็จในระยะยาว รวมถึงยังมี Upside จากแนวโน้มที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะขยายเวลาการปรับลดอัตรานำส่งเงินสมทบกองทุนฟื้นฟูฯ ออกไปอีก

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising