×

BTG – คาดกำไร 4Q67 และปี 2568 เติบโตดีที่สุดในกลุ่มอาหาร

09.01.2025
  • LOADING...
BTG

เกิดอะไรขึ้น:

InnovestX Research คาดการณ์ว่า บมจ.เบทาโกร (BTG) จะเป็นเพียงบริษัทเดียวในบรรดาบริษัทในกลุ่มอาหารภายใต้การวิเคราะห์ของเราที่จะรายงานผลประกอบการดีที่สุดของปี 2567 ใน 4Q67 โดยกำไรปกติจะปรับตัวดีขึ้น YoY และ QoQ ด้วยแรงหนุนจาก: 

 

  1. มาร์จิ้นที่กว้างขึ้นจากต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลงและราคาผลิตภัณฑ์สัตว์บกที่ดีขึ้น (ราคาสุกรในประเทศอยู่ที่ 72 บาทต่อกิโลกรัม (เพิ่มขึ้น 10%YoY, เพิ่มขึ้น 1%QoQ) ขณะที่ราคาไก่เนื้อในประเทศอยู่ที่ 38 บาทต่อกิโลกรัม (เพิ่มขึ้น 1%YoY, ลดลง 11%QoQ))

 

  1. ยอดขายผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นสูงที่เพิ่มขึ้นจากการขยายกำลังการผลิตและการปรับช่องทางการจัดจำหน่ายในธุรกิจอาหารสัตว์ (เพิ่มยอดขายอาหารสุกรผ่านการขยายกำลังการผลิต) และธุรกิจฟาร์มเลี้ยงสัตว์และธุรกิจอาหาร (เพิ่มการส่งออกไก่เนื้อและยอดขายบริการอาหารไก่เนื้อและสุกรสำหรับธุรกิจในประเทศไทย และยอดขายเนื้อสุกรและเนื้อไก่ที่เพิ่มขึ้น แทนที่ยอดขายสัตว์บกสำหรับธุรกิจต่างประเทศ)

 

ราคาสัตว์บกในประเทศปรับตัวดีขึ้นในเดือนมกราคมถึงปัจจุบัน ท่ามกลางต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลง ในสัปดาห์นี้ ราคาสุกรและไก่เนื้อในประเทศปรับเพิ่มขึ้น 3%WoW มาอยู่ที่ 74 บาทต่อกิโลกรัม และ 2%WoW มาอยู่ที่ 41.5 บาทต่อกิโลกรัม 

 

ในขณะที่ราคาโครงไก่ในประเทศอยู่ในระดับทรงตัว WoW ที่ 21 บาทต่อกิโลกรัม ในเดือนมกราคมถึงปัจจุบัน ราคาสุกรและไก่เนื้อในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ 74 บาทต่อกิโลกรัม (เพิ่มขึ้น 1%MoM, เพิ่มขึ้น 7%YoY) และ 41 บาทต่อกิโลกรัม (เพิ่มขึ้น 4%MoM, เพิ่มขึ้น 5%YoY) ในขณะที่ราคาโครงไก่ในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงสู่ 21 บาทต่อกิโลกรัม (เพิ่มขึ้น 22%MoM, เพิ่มขึ้น 13%YoY)

 

โดยปกติแล้ว ราคาสัตว์บกในประเทศจะปรับตัวสูงขึ้นจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ก่อน และ/หรือ ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ในปีนี้ เมื่อรวมกับมาตรการเงินหมื่นเฟส 2 ที่ ครม. มีมติเห็นชอบในวงเงิน 4 หมื่นล้านบาท เพื่อแจกให้กับผู้สูงอายุจำนวน 4 ล้านคน ก่อนเทศกาลตรุษจีนในวันที่ 29 มกราคม จะช่วยหนุนให้ราคาสัตว์บกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น ในด้านต้นทุน BTG เก็บสต็อกอาหารสัตว์ไว้ 3-4 เดือน 

 

ดังนั้นบริษัทจะรับรู้ต้นทุนอาหารสัตว์จริงใน 1Q68 ลดลงตามราคา Spot ข้าวโพดและกากถั่วเหลืองนำเข้าใน 4Q67 ที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ 10 บาทต่อกิโลกรัม (ลดลง 4%YoY, ลดลง 17%QoQ) และ 19 บาทต่อกิโลกรัม (ลดลง 16%YoY, ลดลง 8%QoQ) ราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางต้นทุนอาหารสัตว์ระดับต่ำ (หากยังดำเนินต่อไป) จะช่วยหนุนให้มาร์จิ้นใน 1Q68 ปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

 

กำไรปี 2568 จะเติบโตดีที่สุดในกลุ่มอาหาร BTG มีแนวโน้มที่จะรายงานกำไรปี 2568 เติบโตดีที่สุด (เพิ่มขึ้น 38%YoY) ในกลุ่มอาหาร โดยได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมสุกรในประเทศไทยที่ฟื้นตัวดีขึ้นจากฐานต่ำใน 1H67 จากอุปทานที่ดีขึ้น เพราะมีเนื้อสุกรที่ลักลอบนำเข้าลดลงและการลดอุปทานตามนโยบายของรัฐบาล อุตสาหกรรมไก่เนื้อที่ปรับตัวดีขึ้นปานกลางจากอุปสงค์และอุปทานในประเทศและการส่งออกที่สมดุล และต้นทุนอาหารสัตว์ที่ต่ำต่อเนื่องจากสภาวะการเพาะปลูกที่ดี 

 

เรายังไม่ได้รวม Upside ของกำไร (เพิ่มขึ้น 5-6%YoY) จากการเข้าซื้อกิจการผู้ประกอบธุรกิจไข่ในสิงคโปร์ (Eggriculture) เสร็จสิ้นภายใน 1Q68 เข้ามาในประมาณการ ประมาณการกำไรปี 2567-2568 ของเราสูงกว่า Consensus อยู่ 9% และ 19% และเรายังคงประมาณการของเราไว้เหมือนเดิม โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อมาร์จิ้นที่ปรับตัวดีขึ้น

 

กระทบอย่างไร:

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น BTG ปรับลง 6.15% สู่ 18.30 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 4.13% สู่ 1,387.72 จุด 

 

กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:

InnovestX Research ชอบ BTG ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ ประการแรก กำไรปกติ 4Q67 ของ BTG มีแนวโน้มที่จะมีโมเมนตัมการเติบโตดีที่สุดในกลุ่มอาหาร (เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ) โดยได้แรงหนุนจากมาร์จิ้นที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเพราะราคาผลิตภัณฑ์ดีขึ้นและต้นทุนอาหารสัตว์ต่ำ และยอดขายผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นสูงที่เพิ่มขึ้น ประการที่สอง BTG จะได้รับประโยชน์จากราคาสัตว์บกในประเทศที่สูงขึ้น (เพิ่มขึ้น MoM และ YoY) ในเดือนมกราคมถึงปัจจุบัน ก่อนถึงเทศกาลตรุษจีน 

 

ปัจจัยนี้รวมกับต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลง จะช่วยสนับสนุนให้มาร์จิ้นใน 1Q68 ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ประการที่สาม BTG จะรายงานกำไรปี 2568 เติบโตดีที่สุด (เพิ่มขึ้น 38%YoY) ในกลุ่มอาหาร โดยหลักๆ จะได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของธุรกิจสุกรในประเทศไทย (จากฐานต่ำใน 1H67) และเรายังไม่ได้รวม Upside ของกำไรจากการเข้าซื้อกิจการผู้ประกอบธุรกิจไข่ในสิงคโปร์เสร็จสิ้นใน 1Q68 เข้ามา 

 

โดยยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ BTG โดยให้ราคาเป้าหมายกลางปี 2568 ที่ 23 บาทต่อหุ้น อ้างอิงวิธี Sum-of-the-Parts (P/E 12 เท่า สำหรับธุรกิจอาหารสัตว์, P/E 10 เท่า สำหรับธุรกิจฟาร์มเลี้ยงสัตว์ และ P/E 14 เท่า สำหรับธุรกิจอาหาร)

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ อุปสงค์และราคาที่ลดลงจากเศรษฐกิจที่เปราะบางและอุปทานที่มากขึ้น และต้นทุนอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น ความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญคือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก การบริหารจัดการขยะและน้ำ (E) สวัสดิภาพของลูกค้า การบริหารจัดการคุณภาพผลิตภัณฑ์ นโยบายด้านสุขภาพและความปลอดภัย (S)

 

Cafe Invest แหล่งรวมข้อมูลการลงทุนและบทวิเคราะห์คุณภาพ โดย InnovestX 🚀 คลิกเลย 👉 BTG – คาดกำไร 4Q67 และปี 2568 เติบโตดีที่สุดในกลุ่มอาหาร

https://www.innovestx.co.th/cafeinvest/research/company-analysis/high-conviction/btg-hc-20250109 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X