เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) รายงานกำไรสุทธิ 1Q67 ที่ 847 ล้านบาท ลดลง 1.4%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 13.1%YoY กำไรที่ลดลง QoQ สะท้อนถึงการปรับปรุงต้นทุนของธุรกิจรถไฟฟ้าใน 4Q66 ซึ่งส่งผลทำให้ต้นทุนของธุรกิจรถไฟฟ้าปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.3%QoQ ใน 1Q67 รายได้จากธุรกิจทางด่วน (55% ของรายได้รวม) อยู่ที่ 2,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3%QoQ และ 1%YoY รายได้จากธุรกิจรถไฟฟ้า (40%) อยู่ที่ 1,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4%QoQ และ 7.5%YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น โดยรวมแล้วกำไรสุทธิ 1Q67 คิดเป็น 21% ของประมาณการกำไรปี 2567 ที่ปรับใหม่
สำหรับภาพรวมจากการประชุมนักวิเคราะห์เป็นบวก ผู้บริหารมั่นใจว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกจะเห็นข้อสรุปจากทางศาลเร็วๆ นี้ และคาดว่าจะสามารถเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ในช่วงเดือนมิถุนายน หรือไม่ก็เดือนกรกฎาคม โดยเชื่อว่าคำตัดสินของศาลจะเป็นบวกต่อการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งหมายความว่าจะส่งผลในทางบวกต่อ BEM เช่นกัน
โครงการ Double Deck ยังคงอยู่ระหว่างการเจรจาในเรื่องของการปรับลดค่าทางด่วนและการขยายสัมปทานออกไป และโดยรวมคาดว่าการลดค่าทางด่วนจะไม่มีผลกระทบเชิงลบต่อกำไรในระยะสั้น เนื่องจากจะมีการปรับลดในส่วนของส่วนแบ่งรายได้ให้กับการทางด้วย และการเจรจาที่ผ่านมาค่อนข้างเป็นไปอย่างราบรื่น โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้
ประเด็นถัดไปที่ต้องจับตาคือสัญญา O&M สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ในปี 2568 การขึ้นค่าโดยสาร MRT ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมยังคงเป็นไปตามแผน โดยเบื้องต้นยังไม่เห็นสัญญาณที่ภาครัฐจะขอความร่วมมือให้เลื่อนการขึ้นค่าโดยสารออกไป
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น BEM ปรับลง 1.22% สู่ระดับ 8.10 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 0.96% สู่ระดับ 1,364.48 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2567:
InnovestX Research คาดว่า BEM จะรายงานกำไร 2Q67 ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง QoQ และ YoY การเติบโต QoQ จะได้รับการสนับสนุนจากรายได้เงินปันผลจาก CKP (BEM ถือหุ้น 16.8%) และ TTW (BEM ถือหุ้น 18.5%) ในขณะที่การเติบโต YoY จะได้แรงหนุนหลักจากจำนวนผู้โดยสาร MRT ที่เพิ่มขึ้น
ส่วนประมาณการกำไรปี 2567 ได้ปรับประมาณการกำไรลดลง 6.3% สู่ 4,000 บาท (เพิ่มขึ้น 15.6%YoY) หลังจากปรับสมมติฐานอัตราการเติบโตของปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนลดลงจาก 2.2% สู่ 0% เพื่อสะท้อนปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนที่ต่ำกว่าคาดใน 4M67 โดยลดลง 0.3%YoY สู่ 1.1 ล้านเที่ยวต่อวัน ในขณะที่ยังคงประมาณการจำนวนผู้โดยสาร MRT ไว้ว่าจะเติบโต 15% เนื่องจากพบว่าโมเมนตัมใน 4M67 เป็นไปตามเป้า โดยเติบโต 13.6%
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ InnovestX Research ยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ BEM โดยให้ราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี SOTP ที่ 9 บาทต่อหุ้น (8.2 บาทต่อหุ้น จากธุรกิจหลัก และ 0.8 บาทต่อหุ้น จากเงินลงทุนใน TTW และ CKP) ราคาเป้าหมายดังกล่าวยังไม่รวม Upside อีก 1.5 บาทต่อหุ้น จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก
อย่างไรก็ดี การปรับประมาณการกำไรลดลงมีผลกระทบน้อยมากต่อราคาเป้าหมาย เนื่องจากได้ทำการปรับเพิ่มมูลค่าเงินลงทุนใน CKP ซึ่งราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 22.7%YTD และมีปัจจัยสนับสนุนคือ
- กำไรปี 2567 มีแนวโน้มเติบโตดีที่ 15.6%
- มีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นหลายปัจจัยที่จะทยอยเข้ามา เช่น ข้อสรุปของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก และโครงการ Double Deck และ
- โครงการซื้อหุ้นคืนจะช่วยป้องกัน Downside ให้กับราคาหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยนับถึงปัจจุบัน BEM ซื้อหุ้นคืนมาแล้ว ~1,000 ล้านบาท ที่ต้นทุน 8.22 บาทต่อหุ้น และยังมีงบสำหรับซื้อหุ้นคืนเหลืออยู่ ~3,000 ล้านบาท โครงการนี้จะสิ้นสุดในช่วงต้นเดือนกันยายน
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือการฟื้นตัวของปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนที่ค่อนข้างช้า ซึ่งจะสร้าง Downside Risk ต่อประมาณการผลประกอบการ ส่วนความเสี่ยง ESG ที่สำคัญสำหรับ BEM คือความปลอดภัยในการเดินทางของผู้ใช้ทางด่วนและผู้โดยสาร MRT