เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวานนี้ (10 พฤศจิกายน 2564) บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) รายงานกำไรสุทธิ 3Q64 ที่ 2.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 39%YoY และ 73%QoQ หากหักรายการพิเศษจากเงินชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจำนวน 200 ล้านบาท กำไรปกติ 3Q64 จะอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 29%YoY และ 59%QoQ โดยได้รับการสนับสนุนจากรายได้จากบริการที่เกี่ยวข้องกับโควิด และ EBITDA Margin แข็งแกร่ง
รายได้จากกิจการโรงพยาบาล 3Q64 เพิ่มขึ้น 17%YoY และ 15%QoQ สู่ระดับ 1.89 หมื่นล้านบาท
โดยรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการบริการด้านโควิด จำนวน 1.4 หมื่นล้านบาท ลดลง 12%YoY และ 3%QoQ เนื่องจากผู้ป่วยเลื่อนการเข้ารับการรักษาโรคที่ไม่ร้ายแรงออกไป และมีรายได้เพิ่มเติมจากบริการที่เกี่ยวกับโควิด จำนวน 4.7 พันล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 1.8 พันล้านบาท ใน 2Q64 และคิดเป็นสัดส่วน 25% ของรายได้รวมใน 3Q64
ทั้งนี้ BDMS ได้เพิ่มจำนวนเตียงในหอผู้ป่วยโควิดสู่ 2,775 เตียง จาก 1,900 เตียงในเดือนมิถุนายน และเพิ่มจำนวนเตียงใน Hospitel สู่ระดับมากกว่า 6,000 เตียง จาก 500 เตียงในเดือนมิถุนายน
ด้าน EBITDA Margin 3Q64 ปรับตัวดีขึ้นสู่ 25.4% จาก 24.5% ใน 3Q63 และ 21.3% ใน 2Q64 โดยได้รับการสนับสนุนจากรายได้ที่แข็งแกร่งมากขึ้นและการดำเนินมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง โดย BDMS มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนระดับต่ำที่ 0.2 เท่า และมีเงินสดในมือ 1.12 หมื่นล้านบาท ณ วันที่ 30 กันยายน 2564
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (11 พฤศจิกายน 2564) ราคาหุ้น BDMS ปรับตัวขึ้น 1.66%DoD สู่ระดับ 24.50 บาท
มุมมองระยะสั้น:
กำไรปกติ 3Q64 ของ BDMS ที่ประกาศสูงกว่าตลาดคาด 7% เนื่องจาก EBITDA Margin ที่ปรับตัวดีขึ้นมากกว่าคาด ด้านแนวโน้มกำไร 4Q64 จะอ่อนตัวลง QoQ เนื่องจากสถานการณ์โควิดที่ดีขึ้น ซึ่งส่งผลทำให้การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลปรับตัวลดลง ดังนั้นรายได้จากการให้บริการที่เกี่ยวกับโควิดจะเริ่มชะลอตัวลงใน 4Q64
มุมมองระยะยาว:
SCBS ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางผลประกอบการปี 2565 โดยคาดว่ากำไรปี 2565 จะปรับตัวดีขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและบริการทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยคนไทย
รวมถึงกลยุทธ์ของ BDMS ในการสร้างฐานผู้ป่วยคนไทยผ่านโครงการประกันสุขภาพภาคเอกชน ซึ่งทำให้บริษัทสามารถใช้สินทรัพย์ได้ดีขึ้นและจะเติบโตแข็งแกร่งในช่วงที่การฟื้นตัวของบริการผู้ป่วยชาวต่างชาติ (30% ของรายได้ก่อนโควิด) ที่ยังมีความไม่แน่นอน แต่มองว่าการฟื้นตัวของผู้ป่วยต่างชาติจะเริ่มชัดเจนมากขึ้นใน 2H64
