เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2566 บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ประกาศว่านายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ (ผู้ก่อตั้ง BDMS) แจ้งความประสงค์ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการของบริษัท เนื่องจากมีภารกิจจากกิจการอื่นเพิ่มขึ้น InnovestX Research เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทจะไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินงานและกลยุทธ์ทางธุรกิจของ BDMS
โดยแพทย์หญิงปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ (บุตรสาวของนายแพทย์ปราเสริฐ) เข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และประธานกรรมการบริหารของ BDMS ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 และกันยายน 2563 ตามลำดับ การดำเนินงานของ BDMS ปรับตัวดีขึ้น โดยรายได้เพิ่มขึ้นจาก 7.96 หมื่นล้านบาทในปี 2562 สู่ 8.85 หมื่นล้านบาทในปี 2565 และกำไรปกติเพิ่มขึ้นจาก 9.6 พันล้านบาทในปี 2562 สู่ 1.26 หมื่นล้านบาทในปี 2565
สำหรับแนวโน้มกำไรระยะสั้นใน 3Q66 คาดว่ากำไรปกติจะปรับตัวดีขึ้น YoY และ QoQ โดยรายได้ของ BDMS เติบโต 7-8%YoY ในเดือนกรกฎาคม และเร่งตัวขึ้น 10-12%YoY ในเดือนสิงหาคม โดยได้แรงหนุนจากรายได้จากบริการผู้ป่วยชาวต่างชาติที่เติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มาจากภูมิภาคตะวันออกกลางและตลาดจีน และรายได้จากบริการผู้ป่วยชาวไทยที่แข็งแกร่งขึ้นจากโรคตามฤดูกาล
อย่างไรก็ดี ประมาณการกำไรปกติในปี 2566 ยังคงไว้ที่ 1.4 หมื่นล้านล้านบาท (เพิ่มขึ้น 12%YoY) และ 1.5 หมื่นล้านบาทในปี 2567 (เพิ่มขึ้น 8%YoY) โดยอิงกับมุมมองที่ว่ารายได้จะเติบโตเพิ่มขึ้น และ EBITDA Margin จะเพิ่มขึ้นอันเป็นผลมาจากการบริการผู้ป่วยชาวต่างชาติที่เติบโตมากขึ้น รายได้จากศูนย์ความเป็นเลิศที่เพิ่มขึ้น และการใช้ประโยชน์สินทรัพย์ได้ดีขึ้น
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น BDMS ปรับลดลง 7.08%MoM อยู่ที่ระดับ 26.25 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 1.49%MoM อยู่ที่ระดับ 1,522.59 จุด
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น BDMS ปรับตัวลดลงมาแล้ว 7% (เทียบกับ SET ที่ลดลง 2%) สู่ระดับต่ำสุดของปีนี้ ซึ่งมองว่าราคาหุ้นปรับตัวลดลงมากเกินไป และมองว่าเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสมหุ้น BDMS เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานยังคงแข็งแกร่ง และกำไรมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
ขณะที่ราคาหุ้น BDMS ในปัจจุบัน มองว่า Valuation ไม่แพง โดยหุ้น BDMS ซื้อขายที่ PE ปี 2567 ระดับ 27 เท่า ต่ำกว่าระดับ -2SD ของ PE เฉลี่ยในอดีต และพบว่าสัดส่วนการถือครองของนักลงทุนต่างชาติ (รวมถึง NVDR) ของ BDMS เพิ่มขึ้นจาก 35% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ณ สิ้นปี 2565 สู่ 36.7% ในปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 21 กันยายน 2566)
อย่างไรก็ดี ยังคงคำแนะนำ Tactical Call ระยะ 3 เดือน สำหรับ BDMS ไว้ที่ Outperform ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 อ้างอิงวิธี DCF (WACC ที่ 7.1% และการเติบโตระยะยาวที่ 3%) ที่ 35 บาทต่อหุ้น และเลือก BDMS เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มการแพทย์
ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่จะส่งผลกระทบทำให้ผู้ป่วยชะลอการเข้าใช้บริการ การแข่งขันรุนแรง การขาดแคลนบุคลากร และความเสี่ยงด้านกฎหมาย