เกิดอะไรขึ้น:
บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH รายงานกำไรสุทธิ 2Q67 ที่ 277 ล้านบาท ลดลง 2%YoY และ 13%QoQ ต่ำกว่าตลาดคาด 11% และต่ำกว่า InnovestX คาด 5% จากการปรับลดรายได้ประกันสังคม (SC) หากตัดรายการนี้ออก พบว่ากำไรปกติอยู่ที่ 337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3%QoQ สวนทางกับแนวโน้มตามฤดูกาลที่โดยปกติกำไรจะลดลง QoQ ในไตรมาส 2 โดยได้แรงหนุนจากรายได้ที่แข็งแกร่งและการควบคุมต้นทุน
2Q67: กำไรต่ำกว่าคาด BCH รายงานกำไรสุทธิ 2Q67 ที่ 277 ล้านบาท ลดลง 2%YoY และ 13%QoQ ต่ำกว่าตลาดคาด 11% และต่ำกว่า InnovestX คาด 5% จากการปรับลดรายได้ประกันสังคม (SC) ที่มีผลกระทบต่อกำไรหลังภาษีจำนวน 60 ล้านบาท โดยเป็นรายการปรับปรุงเพื่อสะท้อนการปรับลดอัตราการจ่ายค่ารักษาพยาบาลสำหรับโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (RW>2) ภายใต้บริการประกันสังคม (SC)
โดยสำหรับบริการรักษาพยาบาลในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2566 อัตราการจ่ายของสำนักงานประกันสังคมอยู่ที่ 7,200 บาท/RW ลดลงจากอัตราที่กำหนดไว้ที่ 12,000 บาท/RW เนื่องจากงบประมาณไม่เพียงพอ หากตัดรายการนี้ออก พบว่ากำไรปกติของ BCH อยู่ที่ 337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13%YoY และ 3%QoQ ซึ่งสวนทางกับแนวโน้มตามฤดูกาลที่โดยปกติกำไรจะลดลง QoQ ในไตรมาส 2 โดยได้รับการสนับสนุนจากรายได้ที่แข็งแกร่งและการควบคุมต้นทุน
ประกาศเงินปันผลที่ 0.12 บาท/หุ้น สำหรับผลการดำเนินงานใน 1H67 คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 0.8% XD วันที่ 29 สิงหาคม และจ่ายเงินปันผลวันที่ 12 กันยายน
รายการที่สำคัญ
- รายได้จากกิจการโรงพยาบาลใน 2Q67 อยู่ที่ 2.9 พันล้านบาท ทรงตัว YoY และ QoQ เมื่อแยกตามประเภทบริการ รายได้จากบริการ OPD (38% ของรายได้) เติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 12%YoY และ 6%QoQ สอดคล้องกับการขยายโรงพยาบาลและบริการที่เพิ่มขึ้น รายได้จากบริการผู้ป่วยในโครงการประกันสังคม (SC, 33% ของรายได้) อยู่ในระดับทรงตัว YoY (แต่ลดลง 3%QoQ) ทั้งๆ ที่มีการปรับลดรายได้ประกันสังคมตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ซึ่งสะท้อนถึงการดำเนินงานที่แข็งแกร่งรายได้จากบริการ IPD (29% ของรายได้) ลดลง 13%YoY และ 3%QoQ) หลักๆ เกิดจากผู้ป่วยจากคูเวตที่ชะลอการเข้ารักษา โดยลดลงตั้งแต่ 1Q67 เนื่องจากต้องการรอรัฐบาลคูเวตรับรองคุณสมบัติของโรงพยาบาลไทย
- EBITDA Margin อยู่ในระดับต่ำที่ 21.9% ใน 2Q67 อย่างไรก็ตาม หากเราตัดรายการปรับลดรายได้ประกันสังคมออก EBITDA Margin จะอยู่ที่ 24.1% เพิ่มขึ้นจาก 22.0% ใน 2Q66 และลดลงเล็กน้อยจาก 24.2% ใน 1Q67
คงประมาณการกำไร กำไรปกติ 1H67 คิดเป็น 41% ของประมาณการกำไรเต็มปีของ InnovestX และ InnovestX ยังคงประมาณการไว้เหมือนเดิม โดยยังคงมุมมองว่าการดำเนินงานและผลประกอบการของ BCH จะปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนใน 2H67 (เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ HoH) โดยได้รับแรงหนุนจาก:
- การปรับปรุงโรงพยาบาลหลัก เกษมราษฎร์ บางแค (เดือนเมษายน-มิถุนายน 2567) แล้วเสร็จ
- การเปิดศูนย์มะเร็งรังสีรักษา เกษมราษฎร์อารี (3Q67, BCH ถือหุ้น 51%)
- การเพิ่มบริการใหม่: บริการทันตกรรมเคลื่อนที่ (3Q67, BCH ถือหุ้น 60%)
- การดำเนินงานที่ดีของโรงพยาบาลใหม่ 3 แห่ง: โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล อรัญประเทศ, โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี และ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์
ปรับประมาณการเพิ่มขึ้น InnovestX ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2567 ของ BCH เพิ่มขึ้นจาก 1.1 หมื่นล้านบาท สู่ 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อสะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นและส่วนแบ่งกำไรที่สูงกว่าคาด จากธุรกิจต่างประเทศที่ดีขึ้น (ราคาสุกรในประเทศเวียดนามและประเทศจีนดีขึ้น) ประมาณการกำไรปกติปี 2567 ของ InnovestX สูงกว่าประมาณการของตลาดที่ 1.1 หมื่นล้านบาท และ InnovestX คาดว่าตลาดจะปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้นตามมา เพื่อสะท้อนผลประกอบการ YTD ที่แข็งแกร่ง และราคาสัตว์บกในประเทศหลักๆ ที่อยู่ในระดับสูงในปัจจุบัน
ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 อ้างอิงวิธี DCF ของเราอยู่ที่ 23 บาท/หุ้น โดยอิงกับ WACC ที่ 7% และการเติบโตระยะยาวที่ 3%
ปัจจัยเสี่ยง คือ การปรับอัตราการเบิกจ่ายสำหรับโครงการประกันสังคม จำนวนผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการชะลอตัวลง และภาระต้นทุนที่โรงพยาบาลใหม่ เรามองว่าปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG คือ ความปลอดภัยของผู้ป่วย (S) ซึ่ง BCH ได้นำเอาระบบบริหารคุณภาพต่างๆ มาใช้สำหรับกระบวนการดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง