เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) เผยจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศในระหว่างวันที่ 1-28 พฤษภาคม อยู่ที่ ~1.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 46%MoM โดยได้รับการสนับสนุนจากการที่ไทยกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง ส่งผลทำให้จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศในช่วง 8MFY65 (ตุลาคม 2564 – พฤษภาคม 2565) อยู่ที่ ~4.7 ล้านคน แต่คิดเป็นสัดส่วนเพียง ~18% ของจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ AOT ตั้งเป้า (ประกาศในเดือนตุลาคม 2564) ไว้ที่ 26 ล้านคนในปี FY2565 (ตุลาคม 2564 – กันยายน 2565)
ทั้งนี้ AOT กำลังทบทวนเป้าจำนวนผู้โดยสารที่วางไว้ โดยเฉพาะในปี FY2565 เนื่องจากการดำเนินงานได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน อย่างไรก็ดี ปีที่จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศจะฟื้นตัวกลับคืนสู่ระดับก่อนเกิดโควิดมีแนวโน้มที่จะยังคงเป็นปี FY2567 โดยได้รับการสนับสนุนจากการฟื้นตัวของปริมาณจราจรทางอากาศทั่วโลก ปัจจุบัน AOT ตั้งเป้าจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศไว้ที่ 66 ล้านคนในปี FY2566 และ 87 ล้านคนในปี FY2567
สำหรับการปรับตัวดีขึ้นของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยและปริมาณผู้โดยสาร AOT พบว่าอัตราการใช้พื้นที่เชิงพาณิชย์ในท่าอากาศยานของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นสู่ ~70% ในปัจจุบัน จากระดับแย่ที่สุดที่ ~50% ปัจจุบัน AOT ยังคงกรอบเวลาของมาตรการให้ความช่วยเหลือสายการบินและผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 มีนาคม 2566 ไว้เช่นเดิม
นอกจากนี้ AOT ได้เดินหน้าเพิ่มรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน โดยโครงการ Airport City จะมีการพัฒนาใน 2 พื้นที่ คือ
- ที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ AOT (~500 ไร่) ซึ่ง AOT กำลังรออนุมัติจาก ครม. ให้ทำการบริหารจัดการพื้นที่
- ที่ดินสิทธิการเช่า (~700 ไร่) ภายใต้สัญญาที่ทำไว้กับกรมธนารักษ์ ซึ่งมีการปรับระยะเวลาตามเงื่อนไขการใช้ทรัพย์สินของทางราชการ
ซึ่ง AOT คาดว่าจะทำการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในปี FY2565-2567 โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 1.9 พันล้านบาท ส่วนรายละเอียดโครงการยังไม่มีการเปิดเผย แต่โครงการที่มีศักยภาพจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจโลจิสติกส์ ศูนย์จัดเก็บสินค้าที่เน่าเสียง่ายและกระจายสินค้า และธุรกิจโรงแรม
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น AOT ปรับเพิ่มขึ้น 4.12%MoM สู่ระดับ 69.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวลง 0.45%MoM อยู่ที่ระดับ 1,660.01 จุด
แนวโน้มผลประกอบการในปี 2565:
SCBS ประมาณการผลประกอบการปี FY2565 โดยคาดว่า AOT จะมีผลขาดทุนปกติลดลงสู่ 1.0 หมื่นล้านบาท (จากขาดทุนปกติ 1.53 หมื่นล้านบาทในปี FY2564) และจะพลิกกลับมามีกำไรปกติที่ 1.38 หมื่นล้านบาทในปี FY2566 โดยอิงกับสมมติฐานว่าจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศจะเพิ่มขึ้นสู่ 9 ล้านคนในปี FY2565 (จาก 0.95 ล้านคนในปี FY2564) จากนั้นจะเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดสู่ 50 ล้านคนในปี FY2566 และฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนเกิดโควิดในปี FY2568
อย่างไรก็ดี SCBS มอง AOT เป็นหนึ่งในหุ้นเด่นกลุ่มท่องเที่ยว และการเพิ่มรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน (โครงการเชิงพาณิชย์ Airport City) ซึ่งมองว่าเป็นอัปไซด์ในระยะยาว ในขณะที่ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น AOT เพิ่มขึ้น 9% ดีกว่า SET ที่ลดลง 1% แต่ยังคงต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโควิดอยู่ 6% และยังขึ้นมาน้อยกว่าหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มท่องเที่ยวที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2-20%
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการระยะสั้น 3Q-4QFY65 (เมษายน-กันยายน 2565) จะปรับตัวดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยหลังจากรัฐบาลยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ