เกิดอะไรขึ้น:
วานนี้ (12 กุมภาพันธ์) บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) รายงานกำไรสุทธิ 1QFY63 ที่ 7.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% YoY โดยกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในครั้งนี้เป็นผลมาจากรายการพิเศษจำนวน 532 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการโอนกลับค่าใช้จ่ายตั้งสำรองข้อพิพาทสัญญาให้เช่าพื้นที่ หากตัดรายการนี้ออกไป กำไรปกติจะเหลือ 6.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% YoY โดยกำไรปกติที่เติบโตต่ำ YoY มาจากรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ (27% ของรายได้รวม) ที่เติบโตชะลอลง 2% YoY ขณะที่รายได้ค่าบริการผู้โดยสาร (43% ของรายได้รวม) เติบโต 8% YoY เกิดจากจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น 9% YoY
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (12 กุมภาพันธ์) ราคาหุ้น AOT ไม่ได้ตอบสนองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานที่ประกาศออกมาวานนี้ โดยราคาหุ้นเคลื่อนไหวตัวในกรอบแคบที่ระดับ 70.50-71.00 บาท จากราคาปิดเมื่อวานนี้ที่ 70.75 บาท
มุมมองระยะสั้น:
SCBS มองว่าแม้กำไรสุทธิ 1QFY63 จะเติบโตก้าวกระโดด 15% YoY แต่ตลาดให้ความสนใจไปที่กำไรปกติซึ่งประกาศออกมาใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด จึงเป็นเหตุให้ราคาหุ้น AOT ไม่ตอบสนองต่อผลประกอบการครั้งนี้มากนัก
นอกจากนี้ SCBS เชื่อว่าแนวโน้มกำไรปกติ 1QFY63 ที่ยังเติบโตชะลอลง YoY ต่อจากไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนถึงจำนวนนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายสูงเริ่มเติบโตชะลอลง โดยจากนี้นักลงทุนคงต้องติดตามการประกาศตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มแย่ลงอย่างชัดเจนในเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ 2563 เนื่องจากผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาหุ้น AOT ได้ในระยะสั้น
มุมมองระยะยาว:
SCBS ได้ปรับประมาณการกำไรปกติปี FY63 ของ AOT ลงราว 7% เพื่อสะท้อนผลกระทบจากไวรัสโคโรนาซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันของประเทศไทย อย่างไรก็ดี การรับประกันรายได้ขั้นต่ำสำหรับสัญญาสัมปทานใหม่ที่สนามบินสุวรรณภูมิคาดว่าจะช่วยพยุงทิศทางกำไรปกติปี FY63 ได้ ซึ่งจะช่วยลด Downside Risk ต่อราคาหุ้น AOT
ข้อมูลเพิ่มเติม:
YoY (Year on Year) คือการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า