เกิดอะไรขึ้น:
ใน 2Q66 กำไรสุทธิของ บมจ.แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ (ACE) อยู่ที่ 316 ล้านบาท (ลดลง 18%YoY, เพิ่มขึ้น 15%QoQ) โดยได้แรงหนุนจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 63 ล้านบาท เทียบกับขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 17 ล้านบาท ใน 1Q66 กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติลดลง 15.6%YoY และ 9.2%QoQ
โดยมีสาเหตุมาจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าชีวมวลเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ อัตรากำไรขั้นต้นลดลง 70 bps จาก 26.8% ใน 1Q66 สู่ 26.1% ใน 2Q66 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าชีวมวล แม้ว่าต้นทุนเชื้อเพลิงลดลง QoQ
อย่างไรก็ตาม กำไร 2Q66 ยังได้รับผลกระทบจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นด้วย เนื่องจากบริษัทต้องกู้เงินเพิ่มเพื่อนำมาใช้พัฒนาโครงการใหม่ และจ่ายอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นเนื่องจากเงินกู้ส่วนใหญ่ของบริษัทมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัว สำหรับ 1H66 กำไรสุทธิอยู่ที่ 591 ล้านบาท ลดลง 16.3%YoY ในขณะที่กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติลดลง 13.1%YoY โดยมีสาเหตุมาจากการหยุดซ่อมบำรุง
สำหรับแนวโน้ม 2H66 คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย HoH ซึ่งเป็นผลมาจากค่าความพร้อมจ่ายที่สูงขึ้นของโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้า MSW ซึ่งปิดซ่อมบำรุงใน 1H66 ผู้บริหารยืนยันว่า Capacity Factor จะอยู่ที่ระดับสูงกว่า 90% สำหรับโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้า MSW ทุกแห่งใน 2H66 โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ซื้อมา 3 แห่ง หลังจากติดตั้งระบบ Continuous Emission Monitoring System (CEMS) เพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่
ส่วนปี 2566 คาดว่าการเติบโตของกำไรปกติจะยังอยู่ในระดับต่ำที่ <2%YoY เนื่องจากจะไม่มีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มเข้ามาจนกว่าจะถึงปี 2567 เป็นอย่างเร็วเมื่อโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพเริ่มดำเนินงาน ดังนั้นจะเหลือเพียงประสิทธิภาพการดำเนินงานที่สูงขึ้นที่โรงไฟฟ้าที่มีอยู่เดิมเป็นปัจจัยกระตุ้นการเติบโตของกำไรปกติ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าชีวมวลทั้ง 3 แห่งที่บริษัทซื้อมา ซึ่งมีการปรับปรุงทางเทคนิคอย่างเข้มข้นในปี 2565 เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานของ ACE
แนวโน้ม Upside คือยอดขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนแห่งใหม่ ซึ่งบริษัทชนะการประมูลเมื่อไม่นานนี้ โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
นอกจากนี้ ACE เพิ่มโรงไฟฟ้าใหม่ในพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง โดยจะเปิดดำเนินการได้ในปี 2567 เป็นต้นไป ได้แก่ โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ กำลังการผลิต 59MW ภายใต้โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) และโรงไฟฟ้า MSW กำลังการผลิต 18.9MW
ทั้งนี้ ยังมีโครงการที่รอลงนาม PPA คือโครงการโซลาร์ฟาร์ม กำลังการผลิต 112.73MW ที่มีกำหนดลงนาม PPA กับหน่วยงานภาครัฐภายในปีนี้ และมีโครงการโรงไฟฟ้า VSPP (ชีวมวล) จำนวน 10 โครงการที่กำลังรอคำตัดสินของศาลปกครอง การลงทุนเหล่านี้จะต้องใช้เงินลงทุน 2 หมื่นล้านบาท ในระยะ 3-4 ปีข้างหน้า ซึ่งบ่งชี้ว่าบริษัทอาจจะยังไม่กลับมาจ่ายเงินปันผลในอนาคตอันใกล้นี้
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น ACE ปรับลดลง 3.37%MoM อยู่ที่ระดับ 1.72 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 0.38%MoM สู่ระดับ 1,540.94 จุด
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
ราคาหุ้น ACE ปรับตัวลดลง 12% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา Underperform SET (ลดลง 0.5%) สะท้อนถึงการขาดปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นใหม่ๆ และกำไรที่เติบโตเพียงเล็กน้อย ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของกำไรในระยะยาว ในฐานะหนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในตลาดไทย
ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายใน พ.ศ. 2608 กำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนแห่งใหม่ถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อชดเชยกำลังการผลิตที่ถูกระงับไว้จากความล่าช้าในการคืน PPA ของภาครัฐ กำลังการผลิตใหม่เหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของกำไรในระยะ 3 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ดี ด้านกลยุทธ์การลงทุน InnovestX Research ยังคงเรตติ้ง NEUTRAL สำหรับ ACE และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 3.6 บาทต่อหุ้น โดยมูลค่าที่ประเมินได้ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าที่มี PPA ยืนยันแล้ว และโรงไฟฟ้าที่จะลงนาม PPA ในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งนี้ ปัจจุบันหุ้น ACE เทรดที่ PE ปี 2567 เพียง 12.9 เท่า เทียบกับ PE เฉลี่ยของหุ้นโรงไฟฟ้าในตลาดหุ้นไทยที่ 18.9 เท่า
ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ
- ความล่าช้าในการคืน PPA โรงไฟฟ้าชีวมวลของ กฟภ. และการก่อสร้าง ซึ่งจะทำให้ต้องเลื่อนการเปิดดำเนินการและกระแสเงินสดเข้ามาล่าช้า
- ต้นทุนวัตถุดิบของโรงไฟฟ้าชีวมวลสูงกว่าคาด
- ต้นทุนการลงทุนสูงกว่าคาด
- การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและรายจ่ายฝ่ายทุน