วันนี้ (9 สิงหาคม) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) มาริโอ้ เมาเร่อ นักแสดง เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน หลังถูกออกหมายเรียกเพื่อมาให้ปากคำกรณีที่เจ้าหน้าที่พบว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับการครอบครองรถยนต์ที่ถูกสวมทะเบียน
หลังให้ปากคำแล้วเสร็จ มาริโอ้ไม่ได้ให้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการกับสื่อมวลชน เพียงตอบคำถามสั้นๆ กับสื่อมวลชนระหว่างเดินทางกลับว่า ไม่ได้กังวลอะไร มั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนเอง และให้ข้อมูลหลักฐานกับทางพนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว ไม่สามารถเปิดเผยได้
ด้าน พล.ต.ต. อำนาจ ไตรพจน์ รองผู้บัญชาการ สอท. กล่าวว่า วันนี้ได้มีการเรียกสอบพยานทั้งหมด 3 ปาก ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายรถที่ถูกสวมทะเบียน ได้แก่ มาริโอ้, ก้องซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่ขายรถให้กับมาริโอ้ และพี่ชายของก้อง
ในส่วนความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้มาริโอ้เคยซื้อเฟอร์นิเจอร์จากก้องจนมีความสนิทสนม แต่ไม่เคยซื้อ-ขายรถกันมาก่อน โดยก้องได้เสนอขายรถ Mercedes-Benz G300 ให้มาริโอ้ในราคา 1,500,000 บาท เมื่อเดือนธันวาคม 2565 และทำสัญญาวางมัดจำไว้ 500,000 บาทก่อน โดยมีกำหนดภายใน 60 วันจะต้องส่งมอบรถ แต่เมื่อถึงกำหนดยังไม่มีการส่งมอบรถ ทางก้องจึงคืนเงินมัดจำให้กับมาริโอ้
พล.ต.ต. อำนาจกล่าวต่อว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นเชื่อว่ามาริโอ้น่าจะไม่ได้จงใจซื้อรถที่ถูกสวมทะเบียน แต่พนักงานสอบสวนจะต้องพิสูจน์ทราบให้ได้ว่ามาริโอ้ไม่ได้มีเจตนาจงใจที่จะซื้อรถดังกล่าวจริง
ในส่วนพยานที่เป็นเจ้าของรถทั้ง 65 คันที่ตรวจสอบแล้วพบว่ามีการถูกสวมทะเบียนโดยกลุ่มผู้ต้องหาซึ่งถูกจับไปก่อนหน้านี้ พนักงานสอบสวนเรียกมาให้ปากคำไปเกือบหมดแล้ว เหลืออีก 2 รายที่มาพบไม่ได้เนื่องจากอยู่ต่างประเทศ
สำหรับการซื้อรถคันดังกล่าวของ มาริโอ้ มาริโอ้ ระบุว่าทั้งตนเองและรุ่นพี่ก็โดนหลอกเช่นกัน เบื้องต้นทราบเพียงว่าเป็นการปลอมแปลงข้อมูลรถมาจากต้นขั้ว ซึ่งมาริโอ้ไม่ทราบรายละเอียดมากนัก เมื่อไม่ได้รถรุ่นพี่ก็คืนเงินให้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ 2 เดือนก่อน และจากนี้จะระมัดระวังให้มากขึ้นกว่าเดิม