นายกรัฐมนตรี มารีอาโน ราฆอย ของสเปนเผชิญมรสุมการเมืองรุมเร้าอย่างหนัก และเตรียมก้าวลงจากตำแหน่ง หลัง ส.ส. พรรคชาตินิยมบาสก์ (PNV) ยืนยันว่าจะร่วมลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ หากเขาไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งสืบเนื่องจากข่าวฉาวการทุจริตของบุคคล 29 คนที่เกี่ยวข้องกับพรรคของเขา
ถึงแม้พรรค PNV จะมี ส.ส. เพียง 5 คนในสภาผู้แทนราษฎรสเปนซึ่งมี 350 ที่นั่ง แต่ก็ทำให้พรรคแรงงานสังคมนิยม (Socialist Workers’ Party) ของเปโดร ซานเชส สามารถรวบรวมคะแนนเสียงได้เพียงพอในการโหวตไม่ไว้วางใจราฆอย หลังจากที่พรรคได้ยื่นญัตติขออภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สืบเนื่องจากกรณีที่ศาลสเปนได้ตัดสินลงโทษจำคุกและปรับเงินอดีตเหรัญญิกของพรรคประชาชน (Partido Popular) และบุคคลที่เคยเกี่ยวข้องกับพรรคอีก 28 คนในคดีรับสินบนและฟอกเงิน
ทั้งนี้หลังจากราฆอยพ้นจากเก้าอี้นายกฯ แล้ว เปโดร ซานเชส หัวหน้าพรรคแรงงานสังคมนิยมจะก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน ซึ่งจะทำให้ราฆอยกลายเป็นนายกฯ สเปนคนแรกที่ก้าวลงจากตำแหน่งจากมติไม่ไว้วางใจนับตั้งแต่สเปนฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยขึ้นเมื่อกว่า 4 ทศวรรษก่อน และถือเป็นการปิดฉากการบริหารประเทศนาน 7 ปีของพรรคประชาชน ซึ่งเป็นพรรคการเมืองกลาง-ขวา
นอกจากพรรคสังคมนิยมและพรรคชาตินิยมบาสก์แล้ว พรรคการเมืองที่แสดงความประสงค์จะร่วมโหวตไม่ไว้วางใจนายกฯ ราฆอยครั้งนี้ ประกอบด้วยพรรคชาตินิยมกาตาลุญญา และกลุ่มการเมืองฝ่ายซ้าย Podemos
อย่างไรก็ดี การที่พรรคเหล่านี้มีอุดมการณ์ต่างขั้วและขาดความเป็นเอกภาพในด้านนโยบายบริหารประเทศ จึงส่งผลให้เกิดความกังวลว่า รัฐบาลใหม่ของสเปนอาจขาดเสถียรภาพ และทำให้การเมืองในยุโรปต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนมากขึ้นไปอีก
อ้างอิง: