“ผมสอดแนม…ทุกทีม”
ประโยคดังกล่าวไม่ได้มาจากหนังสายลับหรือเรื่องเล่าของเหล่าจารชนระดับโลกครับ หากแต่มาจากปากของ มาร์เซโล บิเอลซา ยอดโค้ชชาวอาร์เจนตินาของทีมดังในอดีต ‘ยูงทอง’ ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่ยอมรับสารภาพด้วยตัวเอง หลังมีกรณีพิพาทกับ แฟรงค์ แลมพาร์ด อดีตดาวดังทีมชาติอังกฤษ ที่ปัจจุบันรับบทผู้จัดการทีมดาร์บี เคาน์ตี ว่ามีทีมงานของบิเอลซาจากสโมสรลีดส์ ยูไนเต็ด แอบลอบสังเกตการณ์ซ้อมของพวกเขาในช่วงก่อนเกมที่จะพบกันเมื่อวันศุกร์ที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา
คำสารภาพของบิเอลซาเกิดขึ้นในระหว่างการแถลงข่าวนัดพิเศษเมื่อช่วงเย็นวันพุธที่ 16 มกราคมครับ เป็นหมายข่าวที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้น และทำให้มีการพูดลือกันว่า กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ อาจจะทนความอับอายไม่ไหวที่ถูกจับได้ว่าไป ‘สปาย’ คู่แข่ง จนตัดสินใจลาออกจากทีมกลางคัน และกลายเป็นเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์ของวงการฟุตบอลอังกฤษในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ที่เป็นที่พูดถึงกันมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนพูดเรื่องนี้คนแรกคือ แลมพาร์ด ตำนานนักเตะของชาวเมืองผู้ดีที่แฟนฟุตบอลและสื่อยังรัก ทำให้เสียงที่พูดออกมานั้นดังมากเป็นพิเศษ
“การจะบอกว่าโกงเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่เรื่องนี้มันล้ำเส้นแน่นอน ผมยอมจะไม่คุมทีม ดีกว่าส่งคนไปล้วงข้อมูลจากคนอื่นแบบนี้” แลมพาร์ดกล่าวด้วยความเดือดดาล
อีกส่วนที่สำคัญกว่าคือ สิ่งที่เรียกว่าการ ‘สปาย’ ในวงการฟุตบอลอังกฤษนั้นแทบไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน และมันทำให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ ‘ล้ำเส้น’ มาตรฐานศีลธรรมจรรยาบรรณของการทำงานในวงการ
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาจากเรื่องนี้ได้พัฒนากลายเป็นปรากฏการณ์ของวงการฟุตบอลอังกฤษ แบบที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะเป็นไปในทิศทางนี้ครับ
เดิมสิ่งที่มีการพูดถึงกันมากในเรื่องนี้คือ การตัดสินว่าเรื่องนี้ ‘ถูก’ หรือ ‘ผิด’ ตกลงแล้วทำได้หรือทำไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตัดสินได้ยากมาก เพราะต้องนำเรื่องมาประกอบร่างให้ครบรอบด้าน ว่าการที่บิเอลซาส่งทีมงานไปยืนเฝ้าดูการซ้อมของดาร์บีฯ นั้นเป็นการซุ่มดูในที่ส่วนบุคคลของดาร์บีฯ หรือเป็นการดูจากพื้นที่สาธารณะ (ซึ่งผลก็จะแตกต่างกันไปอีก) ไหนจะต้องนำเจตนาและผลของการซุ่มดูมาตีความอีก
หลายคนก็บอกว่า การดูการซ้อมของทีมฟุตบอลไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย เป็นเรื่องธรรมดาสามัญมาก ทีมอย่างลิเวอร์พูลก็เจอปัญหาเรื่องที่มีแฟนบอล (และแน่นอนว่าคงมีคนที่ไม่ใช่แฟนบอล) มาปีนรั้วดูสนามซ้อมเมลวูดอยู่บ่อยๆ หรืออีกหลายทีมก็มีสนามซ้อมที่สามารถชมการซ้อมได้สบายๆ จากบ้านในชุมชนละแวกนั้น
การตัดสินตรงนี้เป็นหน้าที่ของ EFL หรือฟุตบอลลีกอังกฤษ (คนละองค์กรกับพรีเมียร์ลีกนะครับ) และ FA หรือสมาคมฟุตบอลที่จะต้องทำหน้าที่ตัดสิน
แต่ไม่ว่าผลการตัดสินจะออกมาเป็นเช่นไร จะมีการลงโทษปรับ เตือน แบน หรือตัดคะแนน (ซึ่งมีคนเรียกร้อง แต่ก็ดูไม่เป็นธรรมนัก) สิ่งที่วิเศษที่สุดในเรื่องนี้คือ ‘พรีเซนเตชัน’ ในระหว่างการแถลงข่าวของบิเอลซา ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในการแถลงข่าวที่เจ๋งที่สุดตลอดกาล
ทำไมถึงได้รับการยกย่องเช่นนั้น?
เพราะตลอด 70 นาทีของการแถลงข่าว ซึ่งไม่ใช่การแถลงข่าว หากเป็นการเปิดใจอย่างซื่อตรงของโค้ชที่เป็นแรงบันดาลใจของโค้ชระดับโลกมากมาย และการแสดงให้เห็นถึงความรู้และความพยายามในการแสวงหาหนทางสู่ชัยชนะอย่างไร้ขีดจำกัด
บิเอลซาสารภาพแบบไม่มีอะไรซ่อนเร้นว่า เขาไม่ได้ส่งทีมไปเฝ้าดูการซ้อมของดาร์บีฯ แค่ทีมเดียว หากแต่เป็นทุกทีมในระดับแชมเปี้ยนชิป (และบางทีมที่ไม่ได้อยู่ในระดับแชมเปี้ยนชิป) ซึ่งความจริงเรื่องพวกนี้เขาไม่จำเป็นต้องพูดก็ได้ หรืออาจจะพูดไม่หมดก็ได้
แต่กุนซือวัย 63 ปี ที่ผ่านประสบการณ์ในโลกลูกหนังมาอย่างโชกโชนกับนีเวลส์ โอลด์ บอยส์ในบ้านเกิด, แอธเลติก บิลเบา, ทีมชาติอาร์เจนตินา, ทีมชาติชิลี เปิดเผยทุกอย่างอย่างซื่อตรง โดยให้เหตุผลว่า เพื่อทำให้การสืบสวนในเรื่องนี้เป็นไปอย่างสะดวก (มีที่ไหน ผู้ร้ายให้ความร่วมมือแบบนี้!) โดยที่ถูกหรือผิดนั้น เขาให้เป็นหน้าที่ของผู้ที่มีหน้าที่
สิ่งที่บิเอลซาบอกคือ เขาทำไปโดยไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดี แต่มันเป็นสิ่งที่เขาไม่ทำไม่ได้
ที่บอกว่าไม่ทำไม่ได้ เพราะหากเขามองข้ามรายละเอียดไป ไม่ว่าจะเล็กหรือน้อยแค่ไหนก็ตาม มันจะทำให้เขาอยู่ไม่สุข ใจไม่สงบ
โดยที่ข้อมูลของคู่ต่อสู้จากการลงซ้อมนั้นไม่ได้เป็นส่วนสำคัญ หากเป็นแค่หนึ่งในกระบวนการเล็กๆ ของการวิเคราะห์ เพื่อรับมือคู่แข่งขันเท่านั้น
สิ่งที่เขาอาจจะพลาดไปคือ การไปสอดแนมคู่ต่อสู้ ซึ่งที่อื่นบนโลกนั้นทำกันเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในลาตินอเมริกา แต่มันเป็นสิ่งที่ไม่มีใน ‘วัฒนธรรมลูกหนัง’ ของอังกฤษ หรือหากมี (ซึ่งก็เชื่อว่ามี) ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครยอมรับกันอย่างเปิดเผย การที่เขาออกมายอมรับแบบซื่อๆ จึงเป็นเรื่องที่ช็อกทั้งวงการ
เรื่องนี้เป็นกระจกสะท้อนตัวตนของคนที่ได้รับสมญาว่า ‘Loco’ หรือคนบ้า ได้เป็นอย่างดี เพราะที่ผ่านมาคนที่ติดตามวงการฟุตบอลมานานอาจจะเคยได้ยินว่า บิเอลซาเป็นโค้ชที่บ้าคลั่งในเกมฟุตบอลอย่างมาก ใส่ใจในทุกรายละเอียด ในทุกลมหายใจของชีวิต
นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ครับ ที่ผมคิดว่า เราได้เห็นว่าตัวตนของเขาเป็นอย่างไร
มันทำให้เชื่อว่า เรื่องเล่าในตำนาน เช่น การขับรถตระเวนไปทั่วอาร์เจนตินาเป็นระยะทางมากกว่า 5,000 ไมล์ ด้วยรถ Fiat 147 (เพราะกลัวเครื่องบิน) เพื่อติดตามดูนักฟุตบอลดาวรุ่งชั้นยอดมากกว่า 3,000 คน เพื่อเลือกมาติดทีมเยาวชนของนีเวลส์ฯ คงจะเกิดขึ้นจริงๆ
มากไปกว่านั้นคือ การที่บิเอลซาแสดงให้เห็นถึงความรู้ในระดับมาสเตอร์คลาส โดยเริ่มจากการบอกว่า ‘ผมอยากแสดงให้เห็นว่าในหัวของคนที่เป็นโค้ชเขาคิดกันอย่างไร’
สิ่งที่โลกได้เห็นคือ พรีเซนเทชันในตำนานที่บิเอลซาได้เปิดเผยให้ทุกคนได้เห็น
ในพรีเซนเทชันนั้นมีข้อมูลของทีมคู่แข่งทุกทีม นักฟุตบอลทุกคน มีการระบุหมดว่าทีมไหนเล่นในระบบใด และเล่นระบบใดในช่วงเวลาไหน มีการเปลี่ยนแผนระหว่างเกมหรือไม่ นักฟุตบอลคนไหนที่จะได้โอกาสลงสนามบ้าง ลงเล่นในตำแหน่งใดบ้าง ระหว่างเกมมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งกี่ครั้ง
ข้อมูลนั้นลงลึกถึงขั้นรู้ว่า ‘สัญญาณมือ’ ในการเตะมุมของนักฟุตบอลที่มีหน้าที่เปิดบอลเข้ามานั้น เป็นการส่งสัญญาณให้เพื่อนไปอยู่ในตำแหน่งใด และจะเปิดบอลแบบไหน
เรียกว่าเป็น Big Data ของเกมฟุตบอลที่ถูกนำมาใช้อย่างยอดเยี่ยม
เฉพาะในเกมกับดาร์บีฯ เมื่อคืนวันศุกร์ที่แล้ว บิเอลซาและทีมงานใช้เวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลมากถึง 360 ชั่วโมง โดยมีสตาฟฟ์ที่ทำงานในเรื่องนี้มากถึง 20 คน
สตาฟฟ์ทุกคนจะต้องวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียดในทุกจุด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจากระบบ Wyscout หรือ Instat ที่เป็นฐานข้อมูลฟุตบอลที่มีการใช้งานกันทั่วโลกอยู่แล้ว หรือข้อมูลที่มีการมอบหมายให้ทีมงานไปค้นคว้ามาเป็นกรณีพิเศษ (การสอดแนมการซ้อมก็เป็นส่วนนี้) จากนั้นจึงนำข้อมูลนี้มาสังเคราะห์ ประกอบร่างใหม่ให้เข้าใจง่าย และนำไปให้กับนักฟุตบอลในทีมลีดส์ ยูไนเต็ด ได้ศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนจะลงสนามในทุกนัด
สุดท้ายลีดส์ฯ สยบดาร์บีฯ ได้อย่างง่ายดาย 2-0 และการทำงานอย่างหนักนี้ยังมีส่วนสำคัญในการช่วยทำให้ลีดส์ฯ นั่งแท่นจ่าฝูงในลีกเดอะแชมเปี้ยนชิปเวลานี้
ในมุมของคนที่สนับสนุนบิเอลซาจะมองว่า การสอดแนมไม่ใช่การทำผิดมากมายนัก และข้อมูลที่ได้จากสายลับ (ที่ถูกจับได้) อย่างเดียวไม่น่าเพียงพอที่จะทำให้ลีดส์ฯ เก็บชัยชนะได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
แต่สิ่งที่บิเอลซาได้มอบให้แก่สื่อ แฟนฟุตบอล และวงการฟุตบอลทั่วทั้งโลกโดยไม่ตั้งใจจากเรื่องนี้คือ การสร้างแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่
การเป็นนักวิเคราะห์อย่างเดียวไม่ได้ทำให้เขายิ่งใหญ่ หากแต่เป็นความพยายามที่ไร้ขีดจำกัด ความทุ่มเทที่ไม่มีวันหมด ไฟในการทำงานที่ร้อนแรงดุจดวงอาทิตย์
มันทำให้หลายคนรู้สึกว่าตัวเองช่างอ่อนแอ ต้อยต่ำ และตัวเล็กแค่ไหนเมื่อเทียบกับชายที่ทำงานอย่างบ้าคลั่งเหมือนบิเอลซา
หากเราทำได้สักเสี้ยวของเขา บางทีเราอาจจะไปได้ไกลมากกว่านี้ก็เป็นได้
ตาตา มาร์ติโน อดีตโค้ชบาร์เซโลนา ซึ่งเป็นหนึ่งใน ‘ศิษย์’ ของบิเอลซา ในฐานะที่เคยเป็นลูกทีมนีเวลส์ โอลด์ บอยส์ บอกว่า ไม่ว่าบิเอลซาจะไปในที่ใด เขามักจะทิ้งรอยเท้าเอาไว้เสมอ
“เขาเป็นโค้ชที่นักฟุตบอลอยากจะเล่นให้ เป็นคนที่นักข่าวอย่างพวกคุณอยากจะคุยด้วย เขาทิ้งรอยเท้าไว้ทุกที่ที่เขาไป ไม่ว่าจะที่นีเวลส์ฯ หรือบิลเบา, ชิลี, มาร์กเซย์, อาร์เจนตินา”
รอยเท้าที่ว่านั้นคือ เรื่องราว ความทรงจำ และสิ่งดีๆ ที่ผู้คนจะระลึกถึงเสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน
สำหรับแฟนลีดส์ ยูไนเต็ด แทนที่พวกเขาจะรู้สึกอับอายที่มีโค้ชที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนโกง
วันนี้พวกเขารู้สึกว่าโชคดีที่สุดในโลกที่ได้กุนซือระดับฮีโร่คนนี้
สิ่งที่บิเอลซาทำที่เอลแลนด์โรดจะกลายเป็นหนึ่งในตำนานตลอดกาลครับ
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- www.theguardian.com/football/2019/jan/17/marceo-bielsa-spygate-powerpoint-leeds-united
- www.thetimes.co.uk/article/punish-marcelo-bielsa-for-spying-but-then-we-must-learn-from-him-s6vx65qt9
- www.theguardian.com/football/2019/jan/16/marcelo-bielsa-leeds-spied-every-opponent
- www.theguardian.com/football/blog/2019/jan/16/leeds-united-spying-treated-entertainment-not-cheating-derby-county
- www.thetimes.co.uk/article/pundits-far-too-quick-to-damn-bielsa-the-biggest-leeds-hero-since-revie-r6p9xsp8r
- www.telegraph.co.uk/football/2019/01/17/marcelo-bielsas-press-conference-taught-us-leeds-managers-spying
- www.telegraph.co.uk/football/2019/01/16/leeds-crossed-line-spygate-should-not-punished-strongly-warning
- ครั้งหนึ่งบิเอลซาเคยนำทีมลงสนามพบบาร์เซโลนา ภายใต้ยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา หลังจบเกมที่พวกเขาพ่ายแพ้ บิเอลซาได้ส่งข้อมูลชุดนี้ให้กับเป๊ป และทำให้เป๊ปถึงกับอุทานว่า “คุณรู้เรื่องบาร์ซาดีกว่าผมเสียอีก”
- หนึ่งในศิษย์คนสำคัญของบิเอลซา นอกจาก ตาตา มาร์ติโน แล้ว เมาริซิโอ โปเชตติโน ก็เคยเป็นเด็กน้อยที่บิเอลซาปลุกปั้นมา และแน่นอนว่า การทำงานของพอชนั้นได้รับอิทธิพลมาจากเขาอย่างเต็มๆ
- ในปี 1992 ทีมนีเวลส์ โอลด์ บอยส์ ทำผลงานย่ำแย่ลงจากปีก่อนหน้านั้นมาก ทำให้บิเอลซาคิดไม่ตก เขาโทร.หาภรรยา แต่ก็อธิบายไม่ได้ ท้อแท้ อยากให้โดนสูบลงธรณี แต่สุดท้ายเขาเรียกลูกทีมทั้งหมดมารวมกัน และถามว่ายังเชื่อใจกันไหมในสิ่งที่เขาทำ อยากให้เขาปรับอะไรไหม ลูกทีมทุกคนบอกว่า ไม่ต้องปรับ หลังจากนั้นนีเวลส์ฯ ก็คว้าแชมป์ลีกอาร์เจนตินาในปีนั้น และเข้าถึงรอบชิงโคปา ลิเบอร์ตาดอเรส คัพ
- บิเอลซาเป็นคนที่ซื่อตรง หากทำผิดก็พร้อมยอมรับผิด เหมือนที่ครั้งหนึ่งเขาเคยมอบตัวกับตำรวจ เพราะไปทะเลาะกับคนงานก่อสร้าง