ออสเตรเลียเริ่มต้นปี 2022 ด้วยตัวเลขผู้ติดโควิดที่เพิ่มสูงเป็นสถิติใหม่กว่า 33,000 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยถือเป็นวันที่สองแล้วที่จำนวนผู้ติดเชื้อในออสเตรเลียเพิ่มสูงเป็นสถิติใหม่เกินวันละ 30,000 ราย
รัฐนิวเซาท์เวลส์ที่มีประชากรมากที่สุด พบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงเป็นประวัติการณ์กว่า 22,500 ราย ขณะที่รัฐวิกตอเรียก็พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นสถิติใหม่กว่า 7,400 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมทั่วประเทศล่าสุดสูงกว่า 430,000 รายแล้ว และเสียชีวิตกว่า 2,250 ราย
ส่วนที่ฝรั่งเศสวานนี้ (31 ธันวาคม) มีรายงานตัวเลขผู้ติดโควิดสูงเป็นสถิติใหม่กว่า 232,000 ราย และถือเป็นวันที่สามแล้วที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูงเกิน 200,000 ราย ท่ามกลางการระบาดอย่างรวดเร็วของโควิดสายพันธุ์โอไมครอน
โดยประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ได้แถลงผ่านทางโทรทัศน์ก่อนปีใหม่ เตือนประชาชนว่า ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าจะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก เนื่องจากการแพร่ระบาดที่รุนแรงของโควิด
“ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าจะค่อนข้างยากลำบาก เราทุกคนรู้ดี” มาครงกล่าว แต่แสดงความเชื่อมั่นว่ายังมีความหวังในการรับมือสถานการณ์ในอนาคต พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนเร่งฉีดวัคซีน ซึ่งจะเป็นหนทางเอาชนะการระบาดของโควิดระลอกล่าสุด และทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจขับเคลื่อนไปได้
เช่นเดียวกับที่สหราชอาณาจักร เมื่อวานนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อสูงเป็นสถิติใหม่กว่า 189,800 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมพุ่งสูงเกือบ 13 ล้านรายแล้ว ขณะที่นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน กล่าวอวยพรปีใหม่ต่อประชาชน โดยเชื่อมั่นว่าสถานการณ์โควิดในสหราชอาณาจักรนั้นอยู่ในสถานะที่ดีกว่าปีที่แล้วอย่างเทียบไม่ได้ แต่เตือนประชาชนให้ยังคงระมัดระวังการแพร่ระบาด และขอให้ประชาชนที่จะเฉลิมฉลองปีใหม่ตรวจเชื้อโควิดก่อน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจอห์นสันยังกล่าวยกย่องความพยายามในการเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนทั่วประเทศตลอดปี 2021 ที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดทางการสามารถขยายแผนเสนอฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นครอบคลุมแก่ประชากรผู้ใหญ่ในอังกฤษทุกคน
ทางด้านสหรัฐฯ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดที่รุนแรงของโอไมครอน จนส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงเป็นสถิติใหม่อย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี 2021 ล่าสุด ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ โดยเฉลี่ยในรอบ 7 วันที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นสูงกว่าวันละ 355,990 ราย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ยอดผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงนั้นส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยหนักที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมีเพิ่มขึ้นในระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และอาจส่งผลให้สถานการณ์เดินหน้าไปถึงจุดเปลี่ยนที่กระทบต่อชีวิตประจำวันของประชาชนได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
“จากขนาดของประเทศเราและความหลากหลายของการฉีดวัคซีนเทียบกับการไม่ฉีดวัคซีนน่าจะนานกว่า 2 สัปดาห์ (ที่ยอดผู้ติดโควิดจะเพิ่มถึงระดับสูงสุด) อาจจะราวปลายเดือนมกราคม” ดร.แอนโทนี เฟาชี ที่ปรึกษาระดับสูงด้านโรคติดเชื้อของทำเนียบขาว กล่าวในการให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าว CNBC
ขณะที่ปัจจุบันพบว่า สหรัฐฯ มีอัตราการฉีดวัคซีนให้ประชาชนครบโดสแล้วราว 62% แต่มีประชากรผู้ใหญ่ที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพียงประมาณ 33% ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันอาการป่วยหนักจากโควิดสายพันธุ์โอไมครอน
ภาพ: Photo by Brook Mitchell / Getty Images
อ้างอิง
- https://www.reuters.com/world/asia-pacific/australia-starts-2022-with-record-covid-cases-2022-01-01/
- https://www.france24.com/en/europe/20211231-macron-warns-of-difficult-weeks-ahead-but-encourages-optimism-in-new-year-s-speech
- https://www.bbc.com/news/uk-59834667
- https://edition.cnn.com/2021/12/31/health/us-coronavirus-friday/index.html