จากที่ควรจะได้ 3 ประตูเหลือแค่ประตูเดียว และจากที่ควรจะได้ 3 คะแนนก็กลายเป็นคะแนนเดียวสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทำผลงานได้น่าผิดหวังอีกครั้งเมื่อโดนเบิร์นลีย์ ทีมท้ายตารางไล่ตีเสมอได้ในเกมที่ 2 ครึ่งเวลาไม่เหมือนกันเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่ ราล์ฟ รังนิก รักษาการณ์ผู้จัดการทีม ‘ปีศาจแดง’ ติดใจ
แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งทำให้แฟนๆ ผิดหวังเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจากการกระเด็นตกรอบเอฟเอคัพ ยังหาทางกลับมาสู่เส้นทางที่ดีไม่เจอเมื่อทำผลงานได้ไม่น่าประทับใจในเกมที่เทิร์ฟมัวร์ โดยในครึ่งแรกซึ่งเป็นช่วงที่ทีมเล่นกันได้อย่างดุดันมาได้ประตูขึ้นนำก่อนจาก พอล ป็อกบา แต่ว่าในครึ่งเวลาหลังทีมกลับฟอร์มแผ่วลงอย่างเห็นได้ชัดและพลาดโดนตีเสมอจากประตูของ เจย์ โรดริเกซ
อย่างไรก็ดี รังนิกมองประเด็นเรื่องที่แมนฯ ยูไนเต็ดควรจะเป็นฝ่ายขึ้นนำถึง 3 ประตูในช่วงครึ่งแรก แต่ถูกปฏิเสธประตูไป 2 ครั้งในจังหวะที่ ราฟาเอล วาราน โหม่งทำประตูได้ แต่ แฮร์รี แม็กไกวร์ ล้ำหน้า และอีกครั้งที่ จอช บราวน์ฮิลล์ ทำประตูตัวเอง แต่ผู้ตัดสินมองว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด มีส่วนในการทำฟาวล์ก่อน ทำให้ได้แค่ประตูของป็อกบาลูกเดียว และส่งผลเสียต่อทีม
“เราเล่นในครึ่งแรกกันได้ดีมาก ไม่รู้จะเล่นให้ดีกว่านี้อย่างไรแล้ว” รังนิกกล่าว
“เรายิงได้ 3 ประตู ซึ่งประตูที่ 2 นั้นถูกปฏิเสธโดยที่ผมไม่สามารถเข้าใจได้เลย มันเป็นการตัดสินของไลน์แมนที่ดูมักง่ายมาก เขายกธงว่ามีการฟาวล์หลังจากที่เหตุการณ์เกิดขึ้นไปแล้ว 5-6 วินาที การที่เขายกธงหลังบอลเข้าประตูไปแล้วทำให้ผมประหลาดใจมากว่าตกลงเขาเห็นจังหวะการทำฟาวล์จริงๆ หรือเปล่า? ในประตูแรกที่ไม่ได้ผมพอจะเข้าใจ แต่ประตูที่ 2 ที่ไม่ได้ผมไม่เข้าใจเลย
“คืนนี้เป็นคืนที่น่าผิดหวังสำหรับพวกเรา เพราะเราควรจะชนะสบายๆ เรายิงได้ 3 ประตูในครึ่งแรก ดังนั้นผมไม่คิดจะโทษทีมว่าไม่มีสัญชาตญาณการทำประตู ที่สุดแล้วมันเป็นเรื่องของโชคของดวง แต่หนึ่งแต้มจากฟอร์มแบบนี้ถือว่าไม่เพียงพอ”
ผลเสมอในเกมนี้ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ดโดนเวสต์แฮม ยูไนเต็ดแซงขึ้นไปอยู่ในอันดับ 4 แทน แม้ว่าทีมของรังนิกจะลงเล่นน้อยกว่า 1 นัด และมีแต้มตามหลังแค่คะแนนเดียวก็ตาม แต่ยังมีคู่แข่งอย่างอาร์เซนอล, ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ และวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ที่มีโอกาสจะแซงหน้าได้
อ้างอิง: