หลังจากที่ออกสตาร์ทฤดูกาลได้อย่างกระท่อนกระแท่น ดูเหมือนว่า ‘ปีศาจแดง’ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ จะเริ่มกลับมาเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง
จากชัยชนะเหนือ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ถึงถิ่นเซนต์ เจมส์ ปาร์ก ด้วยสกอร์สวยงาม 4-1 (แม้ว่า 3 ประตูสุดท้ายจะได้ในช่วงท้ายเกมเมื่อทำนบของเจ้าบ้านแตก) พวกเขาตอกกลับทุกคนที่ปรามาสด้วยชัยชนะเหนือ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง คู่ปรับเดิมที่เคยฝากรอยแค้นเอาไว้ด้วยสกอร์ฉิวเฉียด 2-1 แต่รูปเกมถือว่าเข้าตาที่สุด
อย่างไรก็ดี ใน 2 เกมนี้กลับไม่มีชื่อของ เมสัน กรีนวูด เจ้าหนูมหัศจรรย์ที่สร้างความฮือฮาให้แก่วงการฟุตบอลอังกฤษในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงโปรเจกต์รีสตาร์ท หลังต้องหยุดพักการแข่งนาน 3 เดือนจากโควิด-19
การหายตัวไปอย่างลึกลับของดาวเตะวัย 19 ปีได้รับคำอธิบายจากนายใหญ่อย่างโซลชาร์ว่าเกิดจากเรื่องของอาการบาดเจ็บ ไม่ได้มีอะไรในกอไผ่
“ผมไม่สามารถจะอธิบายเรื่องทางการแพทย์ได้” โซลชาร์กล่าว “ผมหวังว่าเขาจะเจ็บแค่นิดหน่อยและเราก็ไม่อยากจะเสี่ยงอะไร หวังว่าเขาจะหายกลับมาในสุดสัปดาห์นี้”
แต่ในหลังฉากแล้วเป็นที่พูดถึงกันว่ากองหน้าเจ้าของลีลาสับไกที่คมกริบถูกลงโทษจากความประพฤติที่เหลวไหล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไม่รักษาเวลา ซึ่งทางโฆษกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปฏิเสธจะให้ความเห็นต่อกระแสข่าวนี้
เรื่องนี้หากเป็นความจริงจะยิ่งน่าเป็นห่วงไอ้หนูรายนี้มากขึ้นเป็นพิเศษ เพราะหลังจากที่แจ้งเกิดได้อย่างรวดเร็วจนถึงขั้นถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษ ซึ่งควรจะเป็นกราฟเส้นทางชีวิตที่พุ่งพรวดไม่หยุด แต่ในทางตรงกันข้ามกรีนวูดกลับติดกับดักชีวิตของตัวเอง
ข่าวอื้อฉาวในแคมป์ทีม ‘สิงโตคำราม’ ที่เขา และคู่ซี้ ฟิล โฟเดน แห่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปชวนกันจ้ำจี้จ้ำไชกับสองนางแบบสาวชาวไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นทั้งการกระทำผิดกฎของแคมป์ทีมชาติ และการทำผิดกฎเรื่องการรักษาระยะห่างในช่วงโรคระบาด ทำให้ แกเร็ธ เซาท์เกต และสมาคมฟุตบอลไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีไปกว่าการลงโทษด้วยการส่งตัวกลับบ้านทันที
บทเรียนครั้งนี้หากเป็นเด็กดีก็ควรจะคิดได้ เหมือน โฟเดน ที่กลับมาตั้งอกตั้งใจเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหมือนเดิม และกลายเป็นผู้เล่นตัวหลักในทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา
แต่กรีนวูดไม่ได้เป็นเช่นนั้น และการลงโทษที่เปรียบเหมือนการแจก ‘ใบเหลืองอ่อน’ ในครั้งนี้เป็นการบอกกลายๆ ว่าปัญหาเรื่องพฤติกรรมของเขาอาจจะแย่จนสโมสรต้องตัดสินใจอะไรบางอย่าง
ก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลายเกินไป
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ครั้งนี้ชวนให้คิดถึงเรื่องราวเก่าๆ ในวันวาน ในช่วงที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ค้นพบเพชรเม็ดงามอย่าง ไรอัน กิกส์ และ เดวิด เบ็คแฮม ที่เป็นผลผลิตจากอคาเดมีของสโมสร
ทั้งสองมีความเป็น ‘สตาร์’ ในตัวสูงด้วยรูปลักษณ์และบุคลิก และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กังวลอย่างมากเพราะมีโอกาสที่นักฟุตบอลในประเภทนี้จะเสียผู้เสียคนได้ง่าย
ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นเสเพลบอยแล้วยังเทพในสนามได้เหมือน ‘เทพบุตรลูกหนัง’ จอร์จ เบสต์ ตำนานปีกหมายเลข 7 แห่งโรงละครแห่งความฝัน (แต่ ‘เบสตี’ เองก็ประสบปัญหาในบั้นปลายชีวิตเหมือนกัน)
สิ่งที่เซอร์อเล็กซ์ทำคือการดูแลอย่างใกล้ชิด และไม่ลังเลที่จะใช้ ‘ไม้เรียว’ ฟาด (ในความหมายถึงการตักเตือนหรือลงโทษ) เพื่อให้แม้ว่าตาดูดาวแต่เท้าจะต้องติดดินเสมอ
โซลชาร์เองกำลังเจอกับความท้าทายในแบบเดียวกันในกรณีของกรีนวูด ซึ่งในเรื่องของพรสรรค์การเล่นแล้วไม่มีอะไรต้องสงสัย เด็กคนนี้คือเพชรเม็ดงามที่หาได้ยากกับความสามารถในการเล่นได้ทุกตำแหน่งในแนวรุก การเล่นฟุตบอลได้สองเท้า และการจบสกอร์ที่เฉียบขาด ซึ่งหานักฟุตบอลวางเท้าได้หนัก, แน่น, คม และยิงเร็วเหมือนเขาแทบไม่มี
ที่เหลือจึงเป็นเรื่องของระเบียบวินัยและการปฏิบัติตัว
หากกลับมาในร่องในรอยก็ยังมีโอกาสก้าวไปสู่จุดสูงสุดได้ แต่หากไม่และหลงใหลไปกับแสงสีและชื่อเสียงแล้ว พรสวรรค์ที่มีในตัวก็ไม่อาจช่วยอะไรได้
เพราะไม่ว่าจะนักฟุตบอลหรือคนธรรมดา สิ่งที่จะพาตัวเองไปสู่ชีวิตที่ดีได้คือระเบียบวินัยเท่านั้น
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง:
