หลังจากที่เกิดกระแสข่าวใหญ่ระดับ Talk of the Town เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาว่าแฟนฟุตบอลชาวไทยกำลังจะได้ชมศึกฟุตบอลที่ถือว่าเป็นสุดยอดแมตช์ของโลกอย่างศึก ‘แดงเดือด’ ลิเวอร์พูล ปะทะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สองสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษบนแผ่นดินไทย
ล่าสุดในวันนี้ (18 พฤษภาคม) มีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าแมตช์ที่เป็นเหมือนความฝันที่ไม่น่ามีวันเป็นความจริงได้ กำลังจะเป็นความจริง โดยการแข่งขันจะมีขึ้นในวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ ซึ่งกว่าจะมาถึงวันที่ลงนามในสัญญาจัดการแข่งขันนั้นมีรายละเอียดมากมายที่เกิดขึ้น
จากจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยากกว่าความฝัน สู่การเนรมิตมันให้เกิดขึ้นในโลกแห่งความจริง โดยเฉพาะบนแผ่นดินไทยที่ไม่มีใครอยากเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ วินิจ เลิศรัตนชัย บิ๊กบอสแห่งเฟรชแอร์ เฟสติวัล ทำได้อย่างไร?
THE STANDARD ชวนทุกคนมาร่วมเดินทางย้อนกลับไปในจุดนั้นจนถึงสิ่งที่เราจะเห็นในวันประวัติศาสตร์ 12 กรกฎาคมนี้
ดีลนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
สำหรับดีลประวัติศาสตร์ ซึ่งวินิจบอกว่าเป็นดีลมหากาพย์มีจุดเริ่มต้นที่ต้องย้อนไปไกลถึง 2 ปีก่อนในช่วงที่ลิเวอร์พูลกำลังจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 30 ปี โดยความตั้งใจในครั้งนั้นทางเฟรชแอร์ เฟสติวัล ต้องการที่จะพาลิเวอร์พูลมาฉลองแชมป์บนแผ่นดินไทยให้ได้ เพียงแต่การเจรจาไม่สำเร็จ รวมถึงเกิดโรคระบาดโควิดด้วย
อย่างไรก็ดีหลังจากนั้นทางฝ่ายตัวแทนที่ทำการเจรจาในการดึงทีมระดับโลกมาจัดการแข่งขันได้ติดต่อกลับมาอีกครั้ง ว่ายังสนใจที่จะจัดเกมกระชับมิตรของลิเวอร์พูลที่ประเทศไทยอีกไหม
คำตอบจากวินิจคือ “ไม่สนใจ” แต่ถ้าเป็นเกม “แดงเดือด” ระหว่างลิเวอร์พูลกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดถึงจะสนใจ
ในเวลานั้นแม้ทางตัวแทนก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่คำยืนยันที่หนักแน่นจากบิ๊กบอสเฟรชแอร์ที่เป็นเหมือนการ ‘เดิมพัน’ กันว่าหากเจรจาสิ่งที่ดูไม่มีทางเป็นไปได้ให้เกิดขึ้นได้ อยากได้อะไรจะเดือนหรือดาวก็จะหามาให้
ปรากฏว่าเดิมพันในสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้กลับเริ่มมีความเป็นไปได้ โดยลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายที่เจรจาก่อนพร้อมคำถามสำคัญว่า “หากแมนฯ ยูไนเต็ดไม่มาจะยังสนใจลิเวอร์พูลทีมเดียวไหม” ซึ่งพอวินิจยืนยันว่ายังสนใจ ตัวแทนผู้บริหารจากลิเวอร์พูลจึงบอกว่า “แบบนี้เราคุยกันต่อได้ และมีโอกาสที่แมนฯ ยูไนเต็ดจะมาด้วย” ก่อนที่จะได้มีการเจรจากับตัวแทนและฝ่ายบริหารจากแมนฯ ยูไนเต็ด โดยได้รู้ทีหลังว่าทั้งสองสโมสรมีการพูดคุยกันมาก่อนแล้วถึงการมีแมตช์ประวัติศาสตร์ครั้งนี้
เพราะในประวัติศาสตร์ฟุตบอลสมัยใหม่ ลิเวอร์พูลและแมนฯ ยูไนเต็ดเคยพบกันครั้งเดียวในรายการฟุตบอล International Champions Cup ที่สหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2018 โดยมีผู้ชมเรือนแสนคน
และครั้งนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้นที่ประเทศไทยต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด 59,000 คนในชื่อ THE MATCH: Bangkok Century Cup 2022
ทีมชุดไหนที่จะมา? สตาร์จะมาไหม?
คำถามสำคัญที่แฟนฟุตบอลอยากรู้ไม่ว่าจะเป็นแฟนลิเวอร์พูล แมนฯ ยูไนเต็ด หรือแฟนฟุตบอลทั่วไปที่อยากมีโอกาสได้สัมผัสสุดยอดแมตช์ระดับโลกคือแล้วทีมที่จะมาจะเป็นทีมชุดไหน ชุดใหญ่หรือชุดเล็ก เอาจริงหรือแค่เหยาะแหยะ?
เรื่องนี้วินิจได้เปิดเผยว่าในรายละเอียดสัญญาไม่สามารถระบุได้ว่าผู้เล่นคนใดที่จะมาบ้าง แต่ยืนยันได้ว่าเป็นผู้เล่นทีมชุดใหญ่ในเวลานั้น ซึ่งในกำหนดการแข่งวันที่ 12 กรกฎาคมนั้น เนื่องจากปีนี้เป็นปีที่พิเศษเพราะมีการแข่งขันฟุตบอลโลก และถูกเลื่อนออกไปในช่วงปลายปีพอดี ทำให้ทุกสโมสรจะต้องมีการเก็บตัวเร็วขึ้นกว่าปกติ เพราะฤดูกาลก็จะเริ่มเร็วกว่าปกติเช่นกัน
ดังนั้นในช่วงที่ทั้งสองทีมเดินทางมาคาดว่าจะเป็นช่วงที่มีการเก็บตัวมาสักระยะแล้วอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ และด้วยความที่พรีซีซันนั้นสั้นหลังจบแมตช์นี้ก็จะมีแมตช์อีกไม่มาก ดังนั้นเชื่อว่าทั้งสองทีมจะเล่นอย่างเต็มที่แน่นอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนี่คือแมตช์แห่งศักดิ์ศรี และเกมนี้ไม่ได้เป็นแค่เกมกระชับมิตรเปล่าๆ เพราะเป็นเกมชิงถ้วย Bangkok Century Cup
ค่าตั๋วเท่าไร จองที่ไหน และจะมีอะไรพิเศษสำหรับแฟนชาวไทยไหม?
หนึ่งในกระแสข่าวลือที่สะพัดก่อนหน้านี้คือราคาค่าตั๋วที่ลือกันว่าเริ่มต้นที่ 5,000 บาทที่เป็นที่พูดถึงอย่างมาก เพราะเป็นราคาค่อนข้างสูง
เรื่องนี้บิ๊กบอสเฟรชแอร์ ยืนยันว่าราคาค่าตั๋วเข้าชมเริ่มต้นที่ 5,000 บาทจริง และมีการระบุที่นั่งทุกที่ ไม่มีการเข้าสนามก่อนได้สิทธิ์ก่อนแต่อย่างใด โดยมีลำดับขั้นของราคาดังนี้
- 5,000 บาท (ได้รับการยืนยันว่ามีจำนวนไม่น้อย)
- 7,000 บาท
- 15,000 บาท
- 20,000 บาท
- 22,000 บาท
- และ 25,000 บาท
จำนวนที่นั่งทั้งหมด 59,000 ที่นั่ง จะมีจำนวน 10,000 ที่นั่งสำหรับแฟนฟุตบอลต่างชาติที่จะเดินทางมาชมการแข่งขันในประเทศไทย เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางแฟนเบสของสองสโมสรยักษ์ใหญ่ ขณะที่อีก 49,000 ที่นั่งนั้นจะมีการแบ่งออกเป็นจำนวนที่เท่ากันระหว่างแฟน ‘หงส์แดง’ และ ‘ปีศาจแดง’
นอกจากนี้จะมีที่นั่งสำหรับแฟนบอลผู้พิการที่จะมีโอกาสได้ชมเกมใกล้ชิดถึงขอบสนามเหมือนการแข่งขันฟุตบอลในต่างประเทศที่ไม่เคยละเลยแฟนบอลกลุ่มเหล่านี้
สำหรับการจำหน่ายบัตรเข้าชมการแข่งขันจะมีการเปิดจำหน่ายบัตร Early Bird สำหรับผู้ให้การสนับสนุนการจัดการแข่งขันก่อนในวันที่ 10 มีนาคม ก่อนจะมีการเปิดจำหน่ายทั่วไปในวันที่ 11 มีนาคมทาง THAITICKETMAJOR โดยรายละเอียดทุกอย่างจะมีการเปิดเผยในการแถลงข่าววันที่ 9 มีนาคมนี้ เวลา 15.00 น. ที่ห้างสยามพารากอน
ในงานแถลงข่าวจะมีตัวแทนจากทั้งสองสโมสร ซึ่งนอกจากผู้บริหารแล้วจะมี ‘ทูตสโมสร’ ที่เป็นอดีตนักเตะมาร่วมงานด้วย โดยฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ดมีการยืนยันชื่อแล้วว่าเป็น แอนดี โคล สุดยอดดาวยิงยุค 90 ส่วนทางฝั่งลิเวอร์พูลยังไม่มีการยืนยันในเวลานี้
สำหรับความพิเศษที่นอกเหนือจากการจัดการแข่งขันแล้ว ทูตสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลและแมนฯ ยูไนเต็ดจะเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อมอบความรู้เกี่ยวกับเกมฟุตบอลให้แก่เยาวชนทุกภาคทั่วไทย และจะมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายรวมถึงในช่วงโปรแกรมแข่งขันที่จะมีกิจกรรมต่อเนื่องไม่ใช่แค่วันแข่ง 12 กรกฎาคมอย่างเดียว แต่จะมีกิจกรรมอื่นๆ อาทิ การทัวร์สนาม เพิ่มขึ้นด้วยจนถึงวันที่ 17 กรกฎาคม
เพราะอีกหนึ่งความพิเศษคือการจัดเตรียมสนามราชมังคลากีฬาสถานให้พร้อมที่สุดสำหรับการเป็นเจ้าภาพแมตช์ระดับโลก โดยการ ‘เนรมิต’ ทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อประสบการณ์ที่ทุกคนจะจดจำได้ไม่มีวันลืม
เสกราชมังคลากีฬาสถานให้มีบรรยากาศเหมือนฟุตบอลอังกฤษ
ตามสิ่งที่ วินิจ เลิศรัตนชัย ได้เปิดเผยออกมาคือจะมีการ Makeover หรือการปรับเปลี่ยนโฉมสนามราชมังคลากีฬาสถานครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่มีการเปิดใช้สนามตั้งแต่ปี 1998 เป็นต้นมา
โดยนอกจากพื้นสนามหญ้าที่จะมีการปรับเปลี่ยนใหม่เพื่อให้ตรงกับความต้องการของทั้งลิเวอร์พูลและแมนฯ ยูไนเต็ดที่มีมาตรฐานของสนามที่จะลงสนามได้ โดยมีการประสานงานกับทางการกีฬาแห่งประเทศไทยในเรื่องนี้แล้ว จะมีการปรับโฉมทุกส่วนของสนามตั้งแต่ อัฒจันทร์, อุโมงค์ทางเข้าสนาม, ห้องแต่งตัวนักกีฬา (Dressing Room)
และที่สำคัญที่สุดคือการสร้างอัฒจันทร์ชั่วคราวขึ้นมาใหม่ที่จะทำให้ได้ความจุสนามรวมเพิ่มเป็น 59,000 ที่นั่ง โดยส่วนที่เพิ่มมาจะทำให้แฟนบอลได้อยู่ใกล้ชิดกับขอบสนามมากที่สุด ไม่มีลู่วิ่งคั่นกลาง เป็นบรรยากาศแบบเดียวกับสนามฟุตบอลในอังกฤษที่แฟนบอลจะอยู่ใกล้ชิดกับนักฟุตบอลระดับเอื้อมมือถึง
นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดอีกมากมายเกี่ยวกับการแข่งขัน เช่น ใช้ทีมถ่ายทำจากอังกฤษ (ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ตอนนี้มี 20 ประเทศแล้ว) ทีมผู้ตัดสินจากอังกฤษเช่นเดียวกัน เพื่อมาตรฐานในการตัดสิ, ลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันพรีเมียร์ลีก เป็นต้น
ขณะที่ในสนามงานโปรดักชันนั้นไม่มีต่ำกว่าค่ามาตรฐานของ ‘เฟรชแอร์’ ซึ่งเป็นผู้นำสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งและเอ็นเตอร์เทนเมนต์ระดับเวิลด์คลาส เรียกได้ว่าแสงสีเสียงหรืออะไรก็ตามต้องสุดยอดเท่านั้น แต่แม้บริษัทจะจัดงานระดับ ‘ยักษ์’ มาแล้วมากมาย แต่ครั้งนี้ถือว่าเป็นที่สุด และเป็นความท้าทายที่ยากที่สุดในชีวิตอยู่ดีในความเห็นของแม่ทัพของผู้จัดงานอย่างวินิจ
สำหรับการถ่ายทอดสดในประเทศไทยยังไม่มีการยืนยันในเวลานี้
เกมฟุตบอลที่มากกว่าแค่ฟุตบอล
หากพูดกันถึงเรื่องในสนามแล้วอย่างไรเสียเกม ‘แดงเดือด’ ก็ถือเป็นสุดยอดคอนเทนต์ของโลกกีฬาที่ไม่มีใครล้มได้อยู่แล้ว เพราะนี่คือแมตช์ที่ดีที่สุดของลีกที่เคลมตัวอย่างว่าเป็น The Greatest Show on Earth อย่างพรีเมียร์ลีก
แต่การจัด THE MATCH: Bangkok Century Cup 2022 นั้นมีคุณค่าและความหมายมากกว่านั้น
โดยด้านหนึ่งคือความตั้งใจในการช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงกีฬาระดับโลก กระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการท่องเที่ยว
เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าชื่อชั้นของทีมระดับลิเวอร์พูลและแมนฯ ยูไนเต็ด มีมูลค่ามหาศาลทางการตลาด การที่สองทีมระดับโลกเลือกที่จะเดินทางมาแข่งที่ประเทศไทย ทั้งๆ ที่สามารถจะเลือกไปที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ เป็นการช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ชาวโลกได้เป็นอย่างดี
ขณะที่อีกด้านหนึ่งคือการมอบช่วงเวลาที่ล้ำค่าให้แก่แฟนๆ ชาวไทย โดยเฉพาะแก่เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะได้รับแรงบันดาลใจจากเหล่าสุดยอดนักเตะขวัญใจที่จะเดินทางมาปรากฏตัวให้เห็นตรงหน้าบนแผ่นดินไทยของเรา
สองสิ่งนี้มีค่ามากกว่าต้นทุนในการจัดการแข่งขัน ซึ่งมากมายมหาศาลจนต่อให้จำหน่ายค่าตั๋วเข้าชมการแข่งขันจนหมดแล้ว วินิจก็ยอมรับว่าอาจจะไม่ได้ต้นทุนในการดำเนินงานกลับคืนมาเลย
ทำไมถึงต้องเป็น ‘แดงเดือดในไทย’
นอกเหนือจากความตั้งใจจริงในการติดต่อเจรจา ซึ่งเป็นดีลประวัติศาสตร์ที่อาจจะเกิดขึ้นครั้งเดียวในรอบ 100 ปี (เป็นที่มาของชื่อ Bangkok Century Cup) แล้ว วินิจเปิดเผยว่าอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ดีลนี้เกิดขึ้นได้เป็นเพราะทั้งสองสโมสรมีความประทับใจต่อแฟนฟุตบอลชาวไทยที่ให้การต้อนรับทั้งสองทีมด้วยดีเสมอมา
นั่นทำให้แม้จะมีอีกหลายประเทศที่อยากจะจัดการแข่งขันครั้งนี้ แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เลือกที่จะมาโชว์เพลงแข้งในประเทศไทย
และนี่คือเหตุผลสุดท้ายที่อยากให้แฟนบอลทุกคนได้เข้ามาชมเกมในสนามกัน แม้จะต้องยอมรับว่าสนนราคาค่าบัตรค่อนข้างสูง แต่กับสิ่งที่จะได้รับ รวมถึงหากไปดูเกมนี้ที่อังกฤษค่าใช้จ่ายอาจจะสูงมากกว่าถึงหลัก 10 เท่า
ลิเวอร์พูล vs. แมนฯ ยูไนเต็ด แดงเดือดบนแผ่นดินไทย แมตช์ที่ร้อยปีอาจจะมีแค่ครั้งเดียว
เกมที่จะเป็นบันทึกประวัติศาสตร์และอยู่เหนือจินตนาการที่หากพลาดไปแล้วไม่รู้จะมีโอกาสแบบนี้อีกไหมในชีวิตนี้