352 วัน คือระยะเวลานับตั้งแต่ที่ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019/20 ได้เริ่มต้นขึ้น และในวันนี้ (อาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม) ทุกอย่างกำลังจะจบลงเสียที
แต่ถึงแม้ว่าเราจะได้รู้ ‘บทสรุป’ บางอย่างบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแชมป์ที่ตกเป็นของลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่รอดตัวได้ไปยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเหมือนเดิม และนอริช ซิตี้ ที่ตกชั้นเป็นทีมแรก แต่ยังมีบทสรุปที่ยังรอคอยคำตอบสุดท้ายอยู่อีกมาก ทั้งเรื่องของโควตาการไปรายการฟุตบอลยุโรป และอีก 2 ทีมที่ตกชั้น
และในบรรดา 10 เกมที่จะลงสนามพร้อมกันในเวลา 22.00 น. วันนี้ แน่นอนว่าเกมที่ถูกจับตามองมากที่สุดย่อมหนีไม่พ้นการตัดสินกันเองระหว่าง ‘จิ้งจอก’ เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับ 5 กับ ‘ปีศาจแดง’ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 3 โดยมีตั๋วรถไฟด่วนขบวนสุดท้ายที่จะได้ไปเล่นในรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นเดิมพัน
ผลแพ้ชนะในเกมนี้มีมูลค่าสูงจนยากที่จะประเมินได้ เพราะมันไม่ได้หมายถึงเพียงแค่เรื่องของรายได้ที่จะได้จากการเข้าร่วมรายการถ้วยใบใหญ่ของยุโรป ซึ่งมากกว่าถ้วยใบเล็กอย่างยูโรปาลีกมากมายมหาศาล
แต่ยังหมายถึงเรื่องของโอกาสที่จะตามมาอีกมากมายในอนาคตสำหรับทั้งสองทีม
ความจริงย้อนหลังกลับไปเมื่อ 6 เดือนก่อนหน้านี้ สถานการณ์ระหว่างเลสเตอร์และแมนฯ ยูไนเต็ด นั้นแตกต่างกันอย่างลิบลับ
ในขณะที่เลสเตอร์ถล่มเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ขาดลอย 4-1 ทางด้านแมนฯ ยูไนเต็ด พลาดท่าเสียทีต่อเบิร์นลีย์คาโอลด์แทรฟฟอร์ดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 0-2
ผลการแข่งขันในวันนั้น (23 มกราคม 2020) ทำให้ระยะห่างระหว่าง 2 ทีมนี้แตกต่างกันไกลถึง 14 คะแนนด้วยกัน
เลสเตอร์ แม้จะหมดลุ้นแชมป์ (หลังพ่ายให้กับลิเวอร์พูลขาดลอย 0-4 ในบ็อกซิ่งเดย์) แต่ด้วยผลงานและระบบการเล่นภายใต้การนำของกุนซือคนหนุ่มที่เริ่มมีประสบการณ์อย่าง เบร็นแดน ร็อดเจอร์ส ถือเป็นทีมที่น่าจับตามองอย่างมาก
ตรงข้ามกับแมนฯ ยูไนเต็ด ที่มองไม่เห็นอนาคตที่ดี และยากจะหาคำมาบรรยายความรู้สึกของแฟนปีศาจแดงในยามนั้นได้
แต่เพราะทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ดังนั้นสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในอีก 6 เดือนต่อมา จึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แม้ว่าหากใครจะพูดว่าโลกจะเป็นแบบนี้ในวันนั้น ก็อาจถูกมองด้วยสายตาไม่ดี
เลสเตอร์ประสบปัญหาฟอร์มการเล่นตกต่ำอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งมาจากหลายเหตุผล แต่โดยหลักแล้วคือ อาการบาดเจ็บของผู้เล่นแกนหลักที่หายหน้าหายตาไป โดยเฉพาะจุดเริ่มต้นจากอาการเจ็บของ วินเฟร็ด เอ็นดีดี กองกลางแนวกันชน ซึ่งสำคัญอย่างมากในระบบการเล่นของร็อดเจอร์ส ที่ทำให้ต้องมีการปรับระบบใหม่ และเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทีมเริ่มสะดุดมาเรื่อยๆ
โดยองค์ประกอบอื่นคือ การฟอร์มตกของ เจมี วาร์ดี อยู่พักใหญ่ และ เจมส์ แมดดิสัน เพลย์เมกเกอร์ตัวกลั่น ที่แม้จะดูหวือหวาในการเล่น แต่ประสิทธิภาพนั้นสวนทางอย่างสิ้นเชิง
สถานการณ์นั้นสวนทางกับทางด้านแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ชีวิตเปลี่ยนทันทีหลังได้ บรูโน แฟร์นันด์ส มาจากสปอร์ติ้ง ลิสบอน โดยจอมทัพชาวโปรตุเกสกลายเป็นคีย์แมนในแดนกลางที่ทำให้ปีศาจแดงกลับมาเป็นทีมที่น่าเกรงขามได้อีกครั้ง และค่อยๆ ปลดเปลื้องพันธนาการของเพื่อนในทีมอย่าง อองโตนี มาร์กซิยาล, มาร์คัส แรชฟอร์ด, เนมันยา มาติช ไปจนถึง เมสัน กรีนวูด ไอ้หนูมหัศจรรย์ที่เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในแนวรุกของทีม และการกลับมาของ พอล ป็อกบา
ทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ที่ดูเหมือนจะไปไม่รอดกลับรอดตายได้อย่างปาฏิหาริย์ และโกยแต้มจนขึ้นมาอยู่ในอันดับ 3 ได้อีกครั้ง
และมันนำไปสู่ศึกตัดสินในวันนี้ ที่ไม่ว่าจะเป็นแฟนสองทีมนี้หรือแฟนทีมไหนก็ควรจะได้ดู เพราะเราไม่มีเกมตัดสินที่สำคัญแบบนี้ให้ดูมาหลายปีแล้ว
มาร์คัส แรชฟอร์ด เป็นหนึ่งในนักเตะปีศาจแดงไม่กี่คนที่ยังร้อนแรงจนถึงตอนนี้
Win-or-Bust ทำไม่ได้ก็ตายไปเลย
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ในเกมนี้ถือว่าน่าสนใจ เพราะดูเหมือนว่าเลสเตอร์กำลังจะเริ่มกลับมาใหม่ ในขณะที่แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ผลงานร้อนแรงอย่างมากในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เริ่มประสบปัญหาฟอร์มการเล่นตกอย่างสังเกตได้
สาเหตุนั้นมาจากการที่ปีศาจแดงต้องลงสนามอย่างต่อเนื่อง โดยที่โซลชาร์แทบไม่มีการเปลี่ยนทีมหรือพักตัวผู้เล่นเลย ซึ่งการที่ต้องลงเตะในพรีเมียร์ลีกต่อเนื่องสัปดาห์ละ 2 นัด และยังมีเกมเอฟเอคัพที่ต้องแบกรับอีก ทำให้สภาพร่างกายของผู้เล่นเริ่มไม่ไหว
บรูโน แฟร์นันด์ส แม้จะวิ่งเป็นม้า แต่ก็เริ่มมีอาการล้า และประสิทธิภาพในการเล่นลดลงอย่างชัดเจน ซึ่งเมื่อแกนกลางของทีมเริ่มหนืด ก็ทำให้เครื่องยนต์ทำงานด้อยลง
ไม่นับป็อกบาที่เริ่มแสดงความผิดพลาดในการเล่นให้เห็น ซึ่งไม่แน่ชัดว่ามาจากแค่เรื่องของสภาพร่างกายหรือเรื่องของสมาธิในการเล่นที่ลดลงจากกระแสข่าวการย้ายทีมที่เริ่มกลับมาอีกครั้งหลังใกล้จบฤดูกาล และอีกหนึ่งคนที่กลับมาเป็นจุดอ่อนของทีมคือ ดาบิด เด เคอา ที่ก่อความผิดพลาดมหันต์ จนทำให้ทีมพ่ายแพ้ในเกมกับสเปอร์ส
ตรงนี้จึงเป็นความท้าทายของนายใหญ่ชาวนอร์เวย์ ที่จะต้องดึงสติและทำให้ผู้เล่นสามารถเรียกฟอร์มการเล่นกลับมาให้ได้ในเกมสำคัญนัดนี้
โซลชาร์กล่าวถึงความสำคัญของเกมนี้ว่า มันคือเกมที่ถ้า “ทำไม่ได้ก็ตายไปเลย” และสำคัญกับอนาคตของทีมอย่างมาก
“เราต้องการจะไปยังอีกระดับ เราต้องการลงเล่นกับทีมที่ดีที่สุด เกมในวันอาทิตย์นี้จึงเป็นเกมใหญ่ที่จะได้เห็นกันว่า เรามาไกลแค่ไหนแล้วในเรื่องของจิตใจ และเราแกร่งแค่ไหนที่จะลงเล่นในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาลในแบบที่เราหวังจะได้เห็นตลอดหลายปีที่ผ่านมา” โซลชาร์กล่าว
โดยการไปแชมเปียนส์ลีกนั้นสัมพันธ์กับเรื่องการดึงดูดสตาร์อย่าง จาดอน ซานโช ที่มีข่าวกับทีมตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา และอาจลามไปถึงอนาคตของป็อกบาที่กลับมาอยู่ในความสนใจของเรอัล มาดริด และยูเวนตุสอีกครั้ง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทางฝ่ายบริหารซึ่งนำโดย เอ็ด วูดเวิร์ด จับตาและรอประเมินอยู่
ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาต้องการคือ 1 คะแนน เพื่อการันตีท็อป 4 ในเกมนี้ และการันตีอนาคตที่ดีของสโมสร
แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ สิ่งดีๆ ที่ช่วยกันสร้างมาก็อาจจะพังทลายได้เหมือนกัน
เลสเตอร์หวังจะสร้างเทพนิยายบทใหม่ที่ยั่งยืนกว่าเดิม
เทพนิยายจิ้งจอกบทใหม่
เบร็นแดน ร็อดเจอร์ส เคยมีประสบการณ์ความเจ็บปวดมาก่อนในฤดูกาล 2013/14 ที่ลิเวอร์พูลของเขาพลาดท่าใน 2 นัดสำคัญช่วงท้ายฤดูกาล จนทำให้โอกาสคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกของสโมสรหลุดลอยไปในวันนั้น
ภาพของ สตีเวน เจอร์ราร์ด กัปตันทีมหงส์แดง ที่ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองในสิ่งที่เกิดขึ้น และภาพของ หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าที่ร่ายมนต์ตลอดฤดูกาล แต่สุดท้ายจบลงด้วยความผิดหวัง นั่งร้องไห้อย่างหัวใจสลาย ในเกมกับคริสตัล พาเลซ นั้นยากที่จะลืม
ด้วยเหตุนี้ทำให้เชื่อได้ว่า กุนซือชาวไอริชแมนไม่ต้องการให้ลูกทีมเลสเตอร์ต้องเจอกับความเจ็บปวดแบบนั้นอีก โดยเฉพาะอย่างน้อย สิ่งสำคัญคือการที่พวกเขายัง ‘กุมชะตา’ ไว้ในมือตัวเอง
จะได้หรือไม่ได้ อยู่ที่พวกเขาเป็นหลัก
ความจริงหากย้อนกลับไปในช่วงก่อนเริ่มต้นฤดูกาล หากใครบอกว่าเลสเตอร์จะมาถึงจุดนี้ได้ บางทีพวกเขาก็อาจจะพอใจแล้ว แต่เมื่อคิดถึงผลงานช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล และจากสัญญาณบวกที่ได้เห็นของทีม ไม่แปลกหากร็อดเจอร์สและเหล่า Foxes จะคาดหวังในสิ่งที่สูงกว่า
สำหรับทีมระดับกลางอย่างพวกเขา การได้กลับไปแชมเปียนส์ลีกอีกครั้ง เป็นการประกาศให้โลกรู้ว่า ทีมที่มีเจ้าของคนไทยนี้เป็นทีมที่มีอนาคตและความสำเร็จในวันวานที่เคยคว้าแชมป์ได้ราวกับ ‘เทพนิยาย’ นั้นไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นครั้งเดียวแล้วจบไป
หากได้กลับไปถ้วยใบใหญ่ของยุโรปอีกครั้ง มันคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของสโมสรไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะครั้งนี้ทุกอย่างเกิดจากการวางพื้นฐานจากความสำเร็จที่เหลือเชื่อในวันนั้น และค่อยๆ ต่อยอดจนกลับมาเป็นทีมระดับท็อปของอังกฤษ
“แชมเปียนส์ลีกจะมีส่วนช่วยเรื่องทางการเงินแน่นอน แต่ก็มีเรื่องของฟุตบอลด้วย” ร็อดเจอร์สกล่าว “เรารู้ดีว่ามันคือโอกาส และเราจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะทำให้สำเร็จให้ได้ ฟุตบอลแชมเปียนส์ลีกจะเหมือนการนำเทศกาลมาให้ชาวเมือง และในมุมมองของฟุตบอลแล้ว มันคือเรื่องที่วิเศษ เราจะได้เล่นและแข่งกับทีมที่ดีที่สุดของยุโรป”
ทั้งนี้ แม้จะมีความน่ากังวลอยู่บ้างเมื่อเลสเตอร์จะขาด 3 กำลังหลักอย่าง เบน ชิลเวลล์, เจมส์ แม็ดดิสัน และ ชากลาร์ โซยุนซู ปราการหลังตัวแกร่งในเกมนี้ แต่อย่างน้อยด้วยฟอร์มที่กลับมาร้อนแรงของ เจมี วาร์ดี ที่กำลังคั่วตำแหน่งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกสมัยแรกของตัวเอง ทำให้ชาวจิ้งจอกยังมีความหวัง
วาร์ดีกดไปแล้ว 23 ประตูในฤดูกาลนี้ นำหน้าคู่แข่งอย่าง แดนนี อิงส์ 2 ประตู และ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง อีก 3 ประตู
หากจะทำอีกสักประตูสองประตูให้จิ้งจอกเฉือนแมนฯ ยูไนเต็ด ได้ไปแชมเปียนส์ลีกในนัดสุดท้ายของฤดูกาล รับประกันได้ว่า จะมีรูปปั้นของหัวหอกรายนี้ตั้งอยู่หน้าสนามอย่างแน่นอน
แต่บทสรุปของเกมนี้ และบทสรุปของฤดูกาลนี้จะออกมาหน้าตาแบบไหน ไม่มีอะไรดีไปกว่าการเป็นสักขีพยานไปด้วยกันในคืนนี้
เวลาดี สี่ทุ่มเจอกัน!
วันนี้เลสเตอร์จะสวมเสื้อใหม่ที่มีข้อความ ‘THAILAND SMILES WITH YOU’ เป็นครั้งแรกด้วย
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- https://www.leicestermercury.co.uk/sport/football/football-news/five-reasons-leicester-city-can-4362975
- https://www.telegraph.co.uk/football/2020/07/24/bullishbrendan-rodgers-says-leicester-can-beat-manchester-united/
- https://www.telegraph.co.uk/football/2020/07/25/win-bust-defining-moment-ole-gunnar-solskjaer-lays-manchester/
- https://www.telegraph.co.uk/football/2020/07/14/wrong-leicester-bad-form/
- ยังมีโอกาสที่เลสเตอร์ ซิตี้ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะควงคู่กันไปได้เหมือนกัน หากผลจบลงด้วยการเสมอกัน แล้วเชลซีพ่ายต่อวูล์ฟส์
- ส่วนเลสเตอร์ ให้ดีที่สุดคือชนะในเกมนี้ แต่ถ้าเสมอ ก็อย่างที่บอกข้างต้น ต้องลุ้นให้เชลซีแพ้ด้วย
- เชลซีผลเสมอเพียงพอต่อการได้ไปแชมเปียนส์ลีก แต่ถ้าแพ้ ก็ต้องพึ่งแมนฯ ยูไนเต็ด ให้ชนะเลสเตอร์ให้ได้
- ยูไนเต็ดต้องการแค่ผลเสมอ แต่หากจะไม่ได้ไปแชมเปียนส์ลีกจริงๆ คือต้องแพ้เลสเตอร์ และเชลซีไม่แพ้วูล์ฟส์ด้วยเท่านั้น