×

ผีติดบ่วง? เหตุผลที่แมนฯ ยูไนเต็ดดูมีปัญหาในการเสริมทีมซัมเมอร์นี้

29.06.2023
  • LOADING...
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ในขณะที่อาร์เซนอลทำการเปิดตัว ไค ฮาเวิร์ตซ์ กองหน้าสารพัดประโยชน์คนใหม่ในวันเดียวกับที่มีข่าวว่าสามารถบรรลุข้อตกลงคว้าตัว ดีแคลน ไรซ์ เป้าหมายอันดับหนึ่งกับเวสต์แฮมเรียบร้อยแล้ว ด้วยค่าตัวสถิติเกาะอังกฤษ 105 ล้านปอนด์ 

 

แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยังคงไม่สามารถจัดการคว้าตัว เมสัน เมาท์ หรือใครเข้ามาได้เลยแม้แต่คนเดียว

 

สิ่งเดียวที่ได้รับการเปิดตัวคือเสื้อเหย้าฤดูกาลใหม่ในลายดอกกุหลาบแดง (9,999 ดอก)

 

ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่านี่คือช่วงตลาดการซื้อขายที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการเสริมกำลังทัพช่วยให้ เอริก เทน ฮาก ต่อยอดความสำเร็จจากฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งทำผลงานได้เป็นที่น่าประทับใจด้วยการจบอันดับที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ได้ไปยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และคว้าแชมป์ลีกคัพ ซึ่งเป็นโทรฟี่แรกในรอบ 7 ปีของสโมสร

 

อะไรคือต้นเหตุของปัญหา? ทีมไม่มีเงิน หรือติดขัดในเรื่องของกฎการเงิน Financial Fair Play หรือเพราะยังคาราคาซังในเรื่องของการเทกโอเวอร์สโมสร

 

หรือยังมีเรื่องอื่นอีกหรือเปล่า?

 

ไม่ต้องพิรี้พิไร ว่ากันตามรายงานของ Manchester Evening News ระบุอย่างชัดเจนว่าปัญหาของแมนฯ ยูไนเต็ดในการปรับทัพเสริมทีมช่วงตลาดการซื้อขายฤดูร้อนนั้น ‘อาจจะ’ เกิดขึ้นจากความกังวลในเรื่องของกฎ Financial Fair Play (FFP)

 

ต้องย้อนกลับไปในช่วงฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งเป็นปีแรกที่ เอริก เทน ฮาก เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างเป็นทางการ และภารกิจแรกๆ ของนายใหญ่ชาวดัตช์คือการพยายามหานักเตะหน้าใหม่ที่สามารถเล่นในแบบที่เขาต้องการได้

 

นั่นนำไปสู่การย้ายเข้ามาของนักเตะหลายราย เริ่มตั้งแต่ ไทเรลล์ มาลาเซีย แบ็กซ้ายจากไฟเยอโนร์ด, คริสเตียน อีริกเซน (ฟรี), ลิซานโดร มาร์ติเนซ กองหลังจอมแกร่งจากอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม, คาเซมิโร ฮาร์ดแมนระดับโลกจากเรอัล มาดริด และ แอนโทนี ปีกจอมหมุนจากอาแจ็กซ์ทีมเก่าของเทน ฮากอีกคน

 

นักเตะเหล่านี้ใช้งบประมาณของสโมสรมากถึง 225 ล้านปอนด์เลยทีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นการใช้เงินเกินงบประมาณที่มี

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

ข้อดีคือนักเตะเหล่านี้ช่วยเปลี่ยนแปลงทีมในทางที่ดีขึ้นได้จริง แมนฯ ยูไนเต็ดกลับมาเป็นทีมฟุตบอลที่ดีอีกครั้ง แม้จะยังไม่ถึงขั้นยอดเยี่ยมแต่ก็ดีพอที่จะทำให้พูดได้ว่าทุกอย่างกลับมาสู่เส้นทางที่ควรจะเป็น

 

1 แชมป์ กับท็อปโฟร์ และความหวังที่กลับมาถือว่าคุ้มค่าอยู่

 

แต่ผลกระทบที่ตามมาจากการใช้งบประมาณจำนวนมากขนาดนั้นคือการที่ทีม ‘ติดบ่วง’ ของตัวเองในเรื่องของการจัดสรรบัญชีตามกฎ FFP

 

นั่นเพราะเดิมแมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงติดค้างเงินค่าย้ายทีมซึ่งต้องแบ่งชำระให้กับสโมสรต่างๆ อีกถึง 307 ล้านปอนด์ด้วยกัน ซึ่งเงินจำนวนนี้ส่งผลอย่างมากโดยเฉพาะใต้กฎ FFP เวอร์ชันใหม่ที่ UEFA ประกาศใช้ในเรื่องของ Squad Cost Rule ซึ่งภายในฤดูกาล 2025/26 จะบังคับให้สโมสรใช้เงินได้แค่ 70 เปอร์เซ็นต์ของรายรับทั้งหมดในการจ่ายเงินค่าตัว ค่าเหนื่อย และเงินส่วนแบ่งให้เอเจนต์

 

และในส่วนของตัวเลขหนี้สินนั้น UEFA อนุญาตให้บัญชี ‘ติดลบ’ ได้ไม่เกิน 60 ล้านยูโร ใน 3 รอบปีบัญชีหลังสุด (ขณะที่พรีเมียร์ลีกอนุญาตให้ติดลบได้ไม่เกิน 105 ล้านปอนด์) โดยที่มีข้อยกเว้นว่าเจ้าของสโมสรสามารถอัดฉีดช่วยเหลือได้ไม่เกิน 90 ล้านปอนด์

 

ปัญหาคือครอบครัวเกลเซอร์ในฐานะเจ้าของสโมสรไม่เคยอัดฉีดเงินช่วยเหลือตรงนี้มาอยู่แล้ว นั่นหมายถึงแมนฯ ยูไนเต็ดตอนนี้ดูแลตัวเองและถูกรัดเข็มขัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ในขณะที่ทีมอย่างเชลซี, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือนิวคาสเซิล เจ้าของพร้อมที่จะอัดฉีดเงินเข้าระบบเพื่อช่วยเหลือ

 

ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด ประสบปัญหาในการวางแผนเสริมทีมในช่วงปิดฤดูกาลนี้

 

ตามข้อมูลจาก Manchester Evening News ทางด้านเทน ฮาก และ จอห์น เมอร์โท ในฐานะผู้อำนวยการฟุตบอลของสโมสร จะมีงบประมาณให้ใช้ราว 100-120 ล้านปอนด์ ซึ่งไม่ถึงกับน้อยแต่ก็ไม่ได้นับว่ามาก ยกเว้นว่าจะสามารถขายผู้เล่นที่ไม่ต้องการออกไปก็จะมีงบประมาณเพิ่มมากขึ้น

 

เงิน 100-120 ล้านปอนด์นั้นไม่ถึงกับน้อยแต่ไม่ได้มาก โดยเฉพาะในตลาดนักเตะยุคปัจจุบันที่ค่าตัวของนักฟุตบอลเกรดพรีเมียมมีไม่ต่ำกว่า 100 ล้านปอนด์อยู่แล้ว เหมือนรายของ จูด เบลลิงแฮม หรือ ดีแคลน ไรซ์ ซึ่งย้ายไปเรอัล มาดริด และเตรียมจะย้ายมาอาร์เซนอลตามลำดับ

 

โดยที่เป้าหมายของเทน ฮากในฤดูกาลนี้เขาต้องการนักเตะในระดับท็อปถึง 3 ตำแหน่งเป็นอย่างน้อย คือผู้รักษาประตู กองกลาง และกองหน้าตัวเป้า ซึ่งแค่คิดก็ปวดหัวแล้วว่าจะทำอย่างไรจึงจะสามารถเสกนักเตะที่ต้องการได้ทั้งหมด?


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

อย่างไรก็ดี อย่างน้อยในเวลานี้แมนฯ ยูไนเต็ดมีความเคลื่อนไหวที่ชัดเจนพอสมควรกับนักเตะอย่างน้อย 2 รายด้วยกัน

 

รายแรกคือ อังเดร โอนานา ผู้รักษาประตูจากอินเตอร์ มิลาน ซึ่งเป็นลูกศิษย์เก่าของเทน ฮาก และเป็นผู้รักษาประตูที่เล่นฟุตบอลด้วยเท้าได้เก่ง โดดเด่นอย่างมากในนัดชิงชนะเลิศแชมเปียนส์ลีก แม้ว่าอินเตอร์จะพ่ายต่อแมนฯ ซิตี้ก็ตาม

 

คาดกันว่าโอนานาจะย้ายมาด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ และอาจเป็นการเปิดทางให้ ดาบิด เด เคอา ประตูมือเก๋าอำลาทีม เพราะกำลังจะหมดสัญญาในวันพรุ่งนี้พอดี (30 มิถุนายน)

 

อีกรายที่ยังเชื่อว่ามีโอกาสในการเจรจาอยู่คือ เมสัน เมาท์ กองกลางสารพัดประโยชน์จากเชลซี ซึ่งตอนนี้ติดขัดแค่เรื่องของจำนวนเงินที่แมนฯ ยูไนเต็ดต้องการจ่าย (55 ล้านปอนด์) กับจำนวนเงินที่เชลซีต้องการได้ (65 ล้านปอนด์) ซึ่งไม่ได้ห่างจนมีนัยสำคัญ

 

เพราะหากตกลงไม่ได้ การจะไปลุ้นแย่งตัว มอยเซส ไกเซโด กองกลางตัวท็อปของไบรท์ตันซึ่งมีหลายทีมสนใจเป็นเรื่องลำบาก อาจต้องใช้เงินมากกว่า 100 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

 

ที่น่าเสียดายคือปราการหลังตัวแกร่งอย่าง คิมมินแจ ที่มีข่าวมานานว่ากำลังจะย้ายไปร่วมทัพบาเยิร์น มิวนิก และ อาเดรียง ราบิโอต์ กองกลางทีมชาติฝรั่งเศสที่ตัดสินใจจะอยู่กับยูเวนตุสต่อไปอีกอย่างน้อย 1 ปี

 

ส่วนตำแหน่งกองหน้านั้นยังไม่มีความชัดเจนมากนัก แม้ว่าจะเป็นอีกหนึ่งจุดที่สำคัญเพราะเห็นได้ชัดในฤดูกาลที่แล้วว่าทีมขาดกองหน้าตัวเป้าที่ดีพอ โดยนักเตะที่ยืมมาอย่าง เวาต์ เวกฮอร์สต์ ก็ไม่สามารถใช้การได้ ส่วนตัวที่มีอยู่แล้วอย่าง อองโตนี มาร์กซิยาล ก็ทำได้แย่กว่าที่คาดหวังมาก

 

เพียงแต่พื้นที่จุดนี้เป็นเรื่องที่พอรอได้ โดยเฉพาะยังมี เมสัน กรีนวูด สายเลือดของสโมสรที่ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะได้โอกาสกลับมาลงสนามให้ทีมอีกครั้งหรือไม่ ซึ่งหากแมนฯ ยูไนเต็ดตัดสินใจที่จะไม่สนเสียงวิจารณ์ กรีนวูดอาจจะเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่ช่วยแก้ปัญหาให้ทีมได้

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

แต่นอกจากการซื้อเข้าแล้ว การขายออกก็เป็นอีกเรื่องปวดหัวสำหรับเทน ฮาก และเมอร์โท เช่นกัน ซึ่งมีข่าวว่าทีมอยากขายผู้เล่นออกไปถึง 13 ราย ซึ่งมีนักเตะอย่าง แฮร์รี แม็กไกวร์, เฟร็ด หรือแม้แต่ จาดอน ซานโช รวมอยู่ในข่ายด้วย เพื่อระดมทุนสำหรับการเสริมทีม

 

ส่วนเรื่องของการเทกโอเวอร์แม้จะมีข่าวว่าทุนจากกาตาร์ใกล้ได้รับชัยชนะ แต่อีกด้านดูเหมือนครอบครัวเกลเซอร์จะไม่ได้เร่งรีบอะไรในการตัดสินใจ และมีโอกาสที่เรื่องอาจจะยืดเยื้อไปอีกหลายเดือน

 

ทั้งหมดนี้ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลย

 

ทั้งๆ ที่มันเป็นรอบตลาดที่อาจทำให้แมนฯ ยูไนเต็ดกลับมาเข้าใกล้การท้าชนกับแมนฯ ซิตี้หรืออาร์เซนอลได้มากขึ้นแท้ๆ แต่ตอนนี้ต้องนั่งดูทีมอื่นเขาเสริมเอาๆ…

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X